มิตรภาพผ่านเว็บไซต์ 662 วิถีที่ต้องเปลี่ยนแปลง การสนับสนุน…ที่เหลืออยู่ ยังไงก็ไม่มีทางเลือก

ปี 68…ผ่านไปเกือบครึ่งปีแล้ว สถานการณ์ในแวดวงคนยานยนต์ยังคงไร้ความหวังว่า ยอดขายจะโอเคขึ้น ทั้งรถน้ำมันและรถไฟฟ้า ยิ่งถ้าหันไปมองภาครัฐ ยิ่งวังเวงมีแต่เรื่องแย่งชิงผลประโยชน์ ยังไม่เห็นภาพของความหวังว่าคนไทยจะอยู่ดีกินดี แบบที่เคยหาเสียงกันไว้ ที่ซึ่งสะท้อนความเป็นจริง ก็คือคนไทยจะทำอย่างไร เพื่อให้ตัวเองอยู่รอดปลอดภัย ยิ่งคนสื่อที่มีอยู่มากมายในวันนี้จะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างไร? เพราะสุดท้ายแล้ว…น่าจะเหลือแค่สื่อใหม่ ที่ได้รับการยอมรับแต่ไม่ถึงสื่อ ยิ่งเป็นสื่อออนไลน์ที่มีแค่มือถือเครื่องเดียว มีคนทำงานแค่คนเดียว ยังไงก็คงรอดยากขึ้น วังวนเยี่ยงนี้ “รามอินทรา” ยังนึกภาพไม่ออกเลยว่า สุดท้ายแล้วในความเป็นจริงนั้น…ค่ายรถแต่ละค่ายจะทำอย่างไร? ถ้าหาก 6 เดือนหลังสถานการณ์ยังไม่กระเตื้องขึ้น ยังคงค้นหายอดจองได้ยากเหมือนเช่นวันนี้
นอกจากสถานการณ์ของคนสื่อในวันนี้แล้ว “รามอินทรา” อดคิดถึงพรรคพวกคนสื่อเมื่อวันวานไม่ได้ โดยเฉพาะคนสื่อในยุคสื่อสิ่งพิมพ์ ที่หันเหเปลี่ยนแปลงตัวเองมาเป็นคนสื่อออนไลน์ ถ้าหากสถานการณ์ของคนยานยนต์ยังไม่โอเคขึ้น จะสามารถดำรงอยู่ได้หรือไม่ เมื่อระยะหลังนั้นแทบไม่เห็นความเคลื่อนไหวเหมือนเช่นที่เคยเห็น รวมถึงความเคลื่อนไหวของคนยานยนต์ด้วยเหมือนกัน ที่ก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย มีทั้งโยกเยกมีทั้งเกษียณและมีทั้งโบกมือลา ยิ่งทำให้ความคึกคักที่เคยมีนั้นหดหายไปโดยอัตโนมัติ อีกปัญหาระยะหลัง “รามอินทรา” เองก็ห่างหายไปจากแวดวงคนบริษัท แทบไม่ได้ออกงานไปไหน ทั้งงานแถลงข่าวทั้งงานเปิดโรงงาน ด้วยอาจเป็นเพราะ “ยวดยาน” และ “รามอินทรา” เองก็ไม่ได้อยู่เส้นทางที่จะได้รับการเชิญด้วย สิ่งสำคัญ…เป็นเพราะอายุที่เยอะขึ้น เลยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทีมงานมากกว่า แต่สุดท้าย…ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะเชิญหรือไม่เชิญ ก็ไม่มีผลอะไรแตกต่างกัน
อีกความน่าสนใจที่คุยกันบ่อยครั้ง เป็นเรื่องของคนสื่อในยุคที่มีความแตกต่างจากยุคเดิมเป็นอย่างยิ่ง จะหาคนสื่อที่เจาะข้อมูลหรือเขียนข่าวในเชิงวิเคราะห์นั้น น่าจะยากขึ้นทุกวันเมื่อวังวนการทำข่าวเปลี่ยนไป ก็เลยเปลี่ยนวิถีตามไปด้วย ด้วยวิถีง่ายๆ แค่ก็อปปี้ข่าวแล้วนำเสนอ ก็ถือว่าโอเคแล้ว ก้อ…ไม่รู้ว่าเป็นเพราะงบที่ได้รับนั้นก็แตกต่างจากวันวานด้วยเหมือนกัน เมื่องบน้อยก็ทำข่าวคล้ายๆกัน เอาความรวดเร็วเป็นที่ตั้ง สะดวกและได้รับการสนับสนุนเหมือนกัน เลยไม่ต้องคิดเยอะไปทำข่าวกไปแบบง่ายๆ พกมือถือแค่เครื่องเดียวเป็นอันจบข่าว ไม่ต้องแบกต้องถืออะไรเยอะแยะไปไหนมาไหนสะดวกอีกด้วย ก็น่าจะเป็นวิถีที่เปลี่ยนไปจริงๆ ไม่ว่าใครสุดท้ายก็ต้องยอมรับและต้องเปลี่ยนแปลงตาม ทั้งๆที่อายุไม่เปลี่ยนก็ได้ ถ้ายังยืนยันในวิธีการของตัวเอง ไม่แน่นะอาจได้รับการสนับสนุนจากค่ายยานยนต์ มากกว่าที่คิดก็ได้
ก้อ…เหมือนกับที่ “รามอินทรา” ยังคงเป็นคนเขียนเรื่องราวในสำตล์ของตัวเอง สัปดาห์ละ 3 คอลัมน์ 3 สไตล์ ไม่ว่าจะเป็น “รามอินทรา” ยกนิ้วให้ “รามอินทรา” จอ…จ่อ…จ้อ และ “รามอินทรา” จุ๊กจิ๊ก ยังไงก็ฝากติดตามอ่านกันนะครับ เชื่อว่า…น่าสนใจเชียวล่ะ เพราะวันนี้จะหาคนเขียนหนังสือยากขึ้นทุกวันแล้ว
ด้วยรักและขอบคุณจริงๆ
มากกว่าขอบคุณ
“รามอินทรา”
บ้านชินเขต
28 พฤษภาคม 2568