โซ่หลุด ฉบับ 1,160 ตำนาน…คนเขียนหนังสือ ต้นทาง…ที่แตกต่าง ต้นทุน…ที่ยากลำบาก

เดือนสุดท้ายของปี 68… “โซ่หลุด” อดย้อนคิดถึงเส้นทางแห่งคนสื่อ ก้อ…แค่พื้นที่นี้ก็ล่วงเลยมาถึงปีที่ 28 แล้ว ยังเป็นงงกับตัวเองที่เขียนเรื่องราวในแวดวงคนมอเตอร์ไซค์มาได้ยังไง เป็นกว่า 1,000 สัปดาห์ ก้อ…เขียนทุกสัปดาห์โดยไม่ได้ว่างเว้น ผ่าน “คนมอเตอร์ไซค์” มาไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่น ที่ยังจดจำได้ก็ยังมี แต่ที่จดจำไม่ได้นั้นมีมากกว่า ถือเป็นเส้นทางความผูกพันที่ยาวนานมาก ยอมรับ ไม่เคยคาดคิดเหมือนกันว่า เส้นทางความเป็น “โซ่หลุด” จะมีประวัติที่ยาวนานเยี่ยงนี้ และน่าจะเป็นตำนานแห่งคนเขียนหนังสือ ที่น่าจะหาคนที่มีวิถีแบบนี้ได้ยากขึ้น โดยเฉพาะ…ในยุคของสื่อดิจิทัล ที่วิถีแห่งการเขียนคอลัมน์ถูกลืมเลือนไป จนเชื่อว่าไม่น่าจะมีใครที่คิดจะมีวิถีเยี่ยง “โซ่หลุด” อีกแล้ว ก้อ…ต้องขอบคุณ “คนมอเตอร์ไซค์” ที่ยังคงให้ความสนใจและติดตามผลงานกันมาอย่างต่อเนื่อง
ล่วงสู่ปีที่ 28…กับคำถาม “โซ่หลุด” ยังคงคิดถึงใครบ้าง ก้อ…คิดอยู่นานเหมือนกัน เพราะส่วนมากก็ผูกพันคล้ายๆ กัน เป็นแค่ยุคสมัยของใครซะมากกว่า แต่…ถ้าผูกพันจริงๆ น่าจะเป็นยุคต้นๆ ที่โลกของการสื่อสาร ยังคงต้องใช้วิถีการเจอะเจอกันมากกว่า ยุคนั้น…ยังต้องเดินทางไปหากัน ทุกสัปดาห์จะต้องมีห้วงเวลาที่ได้พบได้เจอกัน ยุคหนึ่งของ “ซูซูกิ” ก้อ…ถือว่าผูกพันกันมาก เป็นแค่เป็นความผูกพันด้วยวิถีแห่งการทำงานมากกว่า เพราะโลกของการสื่อสารไม่ได้ทันสมัยเฉกเช่นวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ หรือการแถลงนโยบายที่ต้องมีการจัดงาน และจำนวนคนสื่อก็ชัดเจน และสนิมสนมกันไม่แตกต่างกัน “คนบริษัท” ก็สนับสนุนและรู้จักกับ “คนสื่อ” ทุกครั้งที่เจอกันจึงมีบรรยากาศที่สนุกและคึกคัก จับกลุ่มคุยกันแบบที่แตกต่างจากวันนี้โดยสิ้นเชิง มีงานแต่ละครั้งอยู่กันยาวๆ ทั้งวันเลยก็มี
ด้วยเหตุนี้…ถ้าจะหาใครสักคนที่เป็นคนบริษัท แล้ว “โซ่หลุด” สนิทมากที่สุด คงหาได้ยาก เมื่อส่วนมากก็สนิทกับทุกคนทุกค่าย เพราะสถานการณ์ที่ทำให้ต้องเจอะเจอกัน ต้องสื่อสารหากัน ด้วยเพราะวิถีแห่งการสื่อสารที่แตกต่างจากวันนี้ ทุกค่าย ทุกคน ยังไงก็ต้องได้เจอกัน พูดง่ายๆ เจอกันบ่อยมาก บางครั้ง บางสัปดาห์ เจอกันจนแทบจะเบื่อหน้ากัน รวมถึงวิถีการสื่อสารที่ไม่ซับซ้อน ยังไงก็ต้องได้เจอกัน เพราะไม่มีการสื่อสารผ่านหน้าจอ ชีวิตคนบริษัทกับคนสื่อจึงเป็นวิถีที่ยังไงก็ต้องเจอกัน ยังไงก็ต้องคุยกัน ไม่สนิทก็ต้องสนิท รวมถึงการเจอกันตัวเป็นๆ นั้น เยอะมาก บางครั้งเจอกันน้อยจนไม่รู้จะคุยอะไรกัน ซึ่งไม่เพียงแค่คนบริษัท ยังเลยล่วงไปถึง “คนขาย” ของแต่ละค่าย ที่ก็มีโอกาสได้เจอกันบ่อยเหมือนกัน จำได้ว่ายุคนั้น “โซ่หลุด” รู้จัก “คนขาย” มากกว่าวันนี้ ที่แทบไม่เคยเจอกัน และก้าวผ่านเป็นคนรุ่นลูกที่ก้าวขึ้นมารับหน้าที่แทนแล้ว ยิ่งห่างเหินไปมากขึ้น
ก้อ…เป็นวิถีแห่งการดำรงอยู่ ในความเป็น “โซ่หลุด” ที่ยอมรับ…ทำให้การเขียนยากขึ้นตามไปด้วย เพียงแต่ยังมีบางเรื่องราวอยู่ในความทรงจำ และคนทำงานรุ่นใหม่ที่ก้าวขึ้นมา ก็มีความผูกพันกันด้วย เพียงแค่แตกต่างกันด้วยวิถีแห่งโลกของการสื่อสารเท่านั้น
สุดท้าย… “โซ่หลุด” ก้อ..ยังเป็นคนเขียนเรื่องราวเหมือนเดิม




