มร.เออิอิชิ โคอิโตะ โรงงานพ่นสีระดับโลกฐานผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ
กว่า 60 ปี… “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย” ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะพัฒนาในทุกๆ ด้านของนวัตกรรมยานยนต์ ที่ผ่านมา นอกจากโรงงานผลิตรถยนต์ 3 แห่ง โรงงานผลิตเครื่องยนต์ 1 แห่ง ล่าสุด การเปิดโรงงานพ่นสีแห่งใหม่ ที่ถือเป็นส่วนของศูนย์การผลิตรถยนต์ที่มีการลงทุนมากที่สุด กว่า 3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นแผนการลงทุนระยะยาว ในการผลิตและจัดจำหน่ายยานยนต์ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพสีระดับโลกในประเทศไทย ทั้งยังเป็นการยกระดับและเพิ่มศักยภาพการผลิต ด้วยการชูจุดเด่นโรงงานพ่นสีที่ทันสมัย ลดการใช้พลังงาน รักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมตอกย้ำจุดยืนใหม่ คือ หนึ่งฐานที่มั่นในการผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ
มร.เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กล่าวถึงโครงการนี้ “ถือเป็นศูนย์รวมการผลิตรถยนต์ที่มีการลงทุนมากที่สุด กว่า 3 พันล้าน เป็นแผนการลงทุนระยะยาว เป็นโรงงานพ่นสีที่เปี่ยมด้วยคุณภาพระดับโลก ในประเทศไทย ก่อนหน้านี้มีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อเป็นแหล่งพลังงานทางเลือก มีกำลังผลิตไฟฟ้าที่ 2 เมกะวัตต์ ทำให้สามารถลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงปีละ 6,100 ตัน”
“สำหรับโรงงานพ่นสีแห่งใหม่ของ “มิตซูบิชิ” จะรองรับการพ่นสีรถยนต์ 2 รุ่นหลัก คือ มิตซูบิชิ ไทรทัน และมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ส่วนในอนาคตคาดว่า ถ้าตลาดและกำลังการผลิตของมิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี เพิ่มสูงขึ้น ก็สามารถรองรับการพ่นสีได้อีกด้วย”
“มิตซูบิชิ” ยังได้นำเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในประสิทธิภาพสูงสุดของกระบวนการการพ่นสี โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่ที่มีความยากและซับซ้อน เช่น ระบบซีลตัวถังอัตโนมัติ (Sealer Automation) หุ่นยนต์ และปืนพ่นสีนำประจุไฟฟ้า (Electrostatic Spray Gun) เพื่อส่งสอบรถยนต์คุณภาพที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า โดยตัวโรงงานได้รับการพัฒนาและผสมผสานตามแนวทางการปฏิบัตการที่ดีที่สุดของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในญี่ปุ่นและที่อื่นๆ ทั่วโลก และได้ความร่วมมือจากซัพพลายเออร์ชั้นนำ ในการจัดหาอุปกรณ์และระบบที่ทันสมัยมาติดตั้งในโรงงานแห่งนี้
ตัวโรงงานตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาดกว่า 21,000 ตารางเมตร มีขนาด 4 ชั้น ซึ่งนอกเหนือจากเทคโนโลยีที่ทันสมัย โรงงานพ่นสีแห่งนี้ยังช่วยลดมลพิษและรักษาสิ่งแวดล้อมให้สะอาดยิ่งขึ้น ผ่านกระบวนการในการพ่นสีต่างๆ ได้แก่ ระบบตลับสี (Cartridge Paint System), ระบบเทคโนโลยีการบำบัดมลพิษในอากาศ (Regenerative Thermal Oxidation – RTO) และเทคโนโลยีสีฐานน้ำ (Waterborne) ในทุกๆ ขั้นตอนของการผลิต จะสามารถช่วยลดปริมาณการปล่อยสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย หรือ Volatile Organic Compounds (VoCs) สู่สภาพแวดล้อมได้ถึง 50% ส่วนโรงงานบำบัดน้ำเสีย ช่วยในการนำกลับมาใช้ใหม่และลดการปล่อยน้ำเสียได้ 50%
สอดคล้องกับแผนนโยบายของบริษัท ในการสนับสนุนเป้าหมายพันธกิจในการก้าวไปสู่การเป็นสังคมคาร์บอนสมดุลและความยั่งยืนของประเทศไทย ควบคู่ไปกับการบรรลุวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อมปี 2593 ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชัน ที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ส่งเสริมการนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ และป้องกันการเกิดมลพิษ
สำหรับการเปิดตัวโรงงานพ่นสีแห่งใหม่ ที่แหลมฉบัง จ.ชลบุรี ยังถือเป็นแผนธุรกิจระยะกลางสำหรับปี พ.ศ. 2563-2565 ของบริษัท ที่ “มิตซูบิชิ” ให้ความสำคัญกับประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในฐานะตลาดยุทธศาสตร์สำคัญ ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงธุรกิจของ “มิตซูบิชิ” ไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน และเสริมสร้างศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่องให้แก่อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยและภูมิภาค
ในอีกด้านหนึ่ง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังได้เดินหน้าดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ในประเทศ ผ่านผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและมีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม เฉกเช่นเดียวกับ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี และการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่เป็นศูนย์การผลิต รวมถึงโครงการเพื่อสังคมอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ โครงการ “ปลูกป่า 60 ไร่” และโครงการ “Solar for Lives” พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อชีวิตที่ดีกว่า และร่วมสร้างสังคมไทยให้ยั่งยืนต่อไป
สิ่งสำคัญอย่างยิ่ง…เป็นบทสรุปที่น่าสนใจของ มร.เออิอิชิ โคอิโตะ “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะสร้างนวัตกรรมยานยนต์ที่ครบวงจรและเพียบพร้อมด้วยคุณภาพ เป็นประโยชน์ที่ “คนไทย” จะได้รับอย่างคุ้มค่าสูงสุด การดำเนินธุรกิจเคียงคู่ “คนไทย” มากว่า 60 ปี…เป็นอีกความสำเร็จที่ภาคภูมิใจ”
“เรายังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างความสำเร็จ เคียงคู่กับการดูแล ‘คนไทย’ ต่อไป”