ลองขับ By The Great SUZUKI ERTIGA SMART HYBRID GX เติมความสดใหม่ ตอบโจทย์ในสไตล์ซูซูกิ
ซูซูกิ ขยับตัวอีกครั้งด้วย เออร์ติก้า สมาร์ท ไฮบริด ซึ่งเป็นยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังไฮบริดรุ่นแรก ตอกย้ำแนวทางการทำตลาดที่มองถึงความคุ้มค่าของการใช้งาน และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ดีที่สุด โดยมองว่า ณ ปัจจุบัน เครื่องยนต์ไฮบริด น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด
สำหรับ ซูซูกิ เออร์ติก้า รุ่นล่าสุด ไม่ได้มีเพียงความเปลี่ยนแปลงในเรื่องของขุมพลังเท่านั้น ทว่าได้รับการปรับเปลี่ยนในเรื่องของรูปโฉมรวมถึงเทคโนโลยีเสริมการใช้งานต่างๆ ด้วยเช่นกัน ไล่เลียงจากกระจังหน้าโครเมียมดีไซน์ใหม่ สอดรับกับไฟหน้าโปรเจคเตอร์ มาพร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และกระจกมองข้างพับอัตโนมัติ
เติมความโฉบเฉี่ยวทันสมัยด้วยไฟท้าย LED แบบ Light Guides แสดงความเป็นตัวตนด้วยสัญลักษณ์ Hybrid ที่บริเวณประตูด้านท้าย มาพร้อมเสาอากาศแบบใหม่ และล้ออะลูมิเนียมอัลลอยแบบทูโทน ขนาด 15 นิ้ว ที่ยกระดับการใช้งานและเพิ่มความสวยงามทันสมัยให้กับเจนฯล่าสุดได้ในระดับหนึ่ง
ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยลายไม้สีเทาบริเวณคอนโซลด้านหน้าและแผงประตู มาตรวัดพร้อมจอ LCD แสดงพลังงานแบตเตอรี่ และสถานะข้อมูลสำคัญของตัวรถ มาพร้อมระบบเชื่อมต่อ Bluetooth และระบบเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนรองรับการใช้งาน USB และ HDMI พร้อมด้วยจอแสดงผลระบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว รวมถึงฟังก์ชันเอนเตอร์เทนเมนต์ครบครัน ด้วยเครื่องเล่นวิทยุ MP3 และ WMA
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง D-Shape พร้อมปุ่มควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ปุ่มควบคุมเครื่องเสียง และปุ่มควบคุมระบบสั่งการโทรศัพท์บนพวงมาลัย ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้นด้วย Keyless entry และ Keyless Push Start พร้อมแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย และช่องจ่ายไฟสำรอง 12V นอกจากนี้ยังมีช่องวางเครื่องดื่มมากถึง 8 ตำแหน่ง พร้อมช่องเป่าลมเย็นบริเวณคอนโซลกลาง รวมถึงระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
รองรับการใช้งานที่หลากหลายด้วยที่นั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง สามารถปรับฟังก์ชันการพับเบาะเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันไป โดยเบาะนั่งแถวที่สองปรับพับแยกเบาะแบบ 60:40 และแถวที่สามแบบ 50:50 สามารถเลื่อนสไลด์ได้ 240 มิลลิเมตร จัดสรรสัมภาระได้อย่างลงตัวกับพื้นที่เก็บของอเนกประสงค์บริเวณใต้ห้องเก็บสัมภาระที่เปิด-ปิดได้อย่างอิสระ
จุดเด่นของ ซูซูกิ เออร์ติก้า สมาร์ท ไฮบริด อยู่ที่ขุมพลังเลือดผสมระหว่างเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร และแบตเตอรี่ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ ที่เสริมประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนให้รถออกตัวได้นุ่มนวลยิ่งขึ้น ทั้งยังมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 134 กรัม/กิโลเมตร รวมถึงการบำรุงรักษาที่ไม่แตกต่างจากรถเครื่องยนต์เบนซิน
เติมเต็มการใช้งานด้วยระบบควบคุมเสถียรภาพในการทรงตัว ESP ตอบโจทย์การใช้งานในเมืองด้วยระบบ Idling Stop ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันขณะรถหยุดนิ่ง รวมถึงระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน, จุดยึดเบาะสำหรับเด็ก ISOFIX และ Top tether, กล้องมองภาพพร้อมเซ็นเซอร์ขณะถอยหลัง ปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer
โดย ซูซูกิ ชวนทดสอบ ซูซูกิ เออร์ติก้า สมาร์ท ไฮบริด บนเส้นทางสั้นๆ ผสานรูปแบบการใช้งานที่หลากหลาย ไล่เลียงตั้งแต่ในเมืองไปจนถึงขึ้นดอยใน จ.เชียงใหม่ ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจถึงการทำงานของระบบไฮบริด ที่ซูซูกิ นำเข้ามาใช้ โดยมีจุดประสงค์หลักอยู่ที่การแบ่งเบาภาระของเครื่องยนต์ ไม่ได้มีส่วนร่วมและเสริมในเรื่องของพละกำลังแต่อย่างใด
ถ้าเข้าใจแล้วก็อยากให้โฟกัสที่ภาพรวมของการใช้งาน โดยส่วนตัวไม่ใช่คนที่ใส่ใจในรายละเอียดมากนัก และเลือกที่จะบอกกล่าวผ่านความรู้สึกหลังใช้งานจริง มองว่าเป็นการขยับตัวที่น่าสนใจแม้จะไม่สามารถสัมผัสได้เด่นชัดนัก ทว่านับเป็นทิศทางที่ดี เพื่อต่อยอดไปสู่รถในเจนฯถัดไป
สรุปได้เบื้องต้นว่า ซูซูกิ เออร์ติก้า สมาร์ท ไฮบริด สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคที่มองหารถอเนกประสงค์ไว้ใช้งานในยุคปัจจุบัน ทั้งยังคงไว้ซึ่งความโดดเด่นด้านความคุ้มค่า เมื่อแลกกับเม็ดเงินที่ต้องจ่าย และเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ในกลุ่มรถอเนกประสงค์ขุมพลังเลือดผสม
รายละเอียดทางเทคนิค
ชื่อรุ่น SUZUKI ERTIGA SMART HYBRID GX
มิติตัวรถ ยาว x กว้าง x สูง (มิลลิเมตร) 4,395 x 1,735 x 1,690
ระยะฐานล้อ (มิลลิเมตร) 2,740
ระยะต่ำสุดจากพื้น (มิลลิเมตร) 180
เครื่องยนต์ เบนซิน รหัส K15B 4 สูบ 16 วาล์ว VTEC
ความจุ (ซี.ซี.) 1,462
พละกำลังสูงสุด (แรงม้า) 105 ที่ 6,000 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร) 138 ที่ 4,400 รอบ/นาที
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร) 45
ระบบส่งกำลัง CVT
ระบบควบคุมรถ แร็ค แอนด์ พิเนียน
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด (เมตร) 5.2
ระบบช่วงล่าง หน้า แม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมคอยล์สปริง
หลัง ทอร์ชั่นบีม พร้อมคอยล์สปริง
ระบบเบรก หน้า ดิสก์เบรก แบบมีช่องระบายความร้อน
หลัง ดรัมเบรก แบบฝักนำและฝักตาม
ล้อ หน้า/หลัง ล้ออัลลอย ขนาด 15 นิ้ว
ยาง หน้า/หลัง DUNLOP ENASAVE EC300+ ขนาด 185/65 R15
ราคาจำหน่าย 839,000 บาท