“ตลาดรถ” ยังชะลอตัว 11 เดือน 6.68 แสนคัน

ภาพรวมของอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทย หลังผ่าน 11 เดือน มียอดขายสะสม 668,109 คัน ลดลง 2.9% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยโตโยต้ารั้งผู้นำตลาดด้วยยอดขาย 212,573 คัน ครองส่วนแบ่งตลาด 31.8% คาดมาตรการภาครัฐบาลผลักดันตลาดขยับตัวไปในทิศทางที่ดีต่อเนื่อง นับตั้งแต่ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ในเดือนพฤศจิกายน 2564 มีปริมาณการขาย 71,716 คัน ลดลง 9.4% โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 6.5% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 10.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากภาวะการระบาดของโคโรนาไวรัส 2019 ส่งผลกระทบและเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน ตลอดจนการดำเนินธุรกิจ
และเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจการท่องเที่ยว และบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นรายได้หลักของบ้านเรา เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ผู้บริโภคยังคงชะลอการตัดสินใจซื้อ และรัดกุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อรอจังหวะการใช้จ่ายที่เหมาะสม
สำหรับปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนพฤศจิกายน 2564 ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 71,716 คัน ลดลง 9.4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อันดับ 1 ได้แก่ โตโยต้า ขายได้ 23,168 คัน ลดลง 18.1% ครองส่วนแบ่งตลาด 32.3% รองลงมาได้แก่ อีซูซุ ที่ 18,419 คัน เพิ่มขึ้น 4.8% ครองส่วนแบ่งตลาด 25.7% และฮอนด้า ในอันดับ 3 จำนวน 8,624 คัน ลดลง 3.2% ถือส่วนแบ่งตลาด 12.0%
โดยเป็นตัวเลขของรถยนต์นั่ง จำนวนทั้งสิ้น 23,793 คัน ลดลง 6.5% โดยฮอนด้าครองอันดับ 1 ด้วยยอดขาย 8,062 คัน เพิ่มขึ้น 9.3% ครองส่วนแบ่งตลาด 33.9% อันดับ 2 ได้แก่ โตโยต้า จำนวน 6,304 คัน ลดลง 15.0% ส่วนแบ่งตลาด 26.5% และอันดับ 3 ซูซูกิ จำนวน 2,242 คัน เพิ่มขึ้น 1.8% ครองส่วนแบ่งตลาด 9.4%
ส่วนตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ มีปริมาณการขาย 47,923 คัน ลดลง 10.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว อันดับ 1 ได้แก่ อีซูซุ ด้วยยอดขาย 18,419 คัน เพิ่มขึ้น 4.8% คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 38.4% รองลงมาได้แก่โตโยต้า ในอันดับ 2 จำนวน 16,864 คัน ลดลง 19.2% ส่วนแบ่งตลาด 35.2% ตามด้วยฟอร์ด ในอันดับ 3 เก็บยอดจองไปได้ 2,859 คันลดลง 13.5% ส่วนแบ่งตลาด 6.0%
ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน มีปริมาณการขาย 38,550 คัน ลดลง 9.9% อันดับ 1 ได้แก่ อีซูซุ จำนวน 16,956 คัน ขยับเพิ่มขึ้น 2.3% ครองส่วนแบ่งตลาด 44.0% ส่วนอันดับ 2 ได้แก่ โตโยต้า จำนวน 14,888 คัน ลดลง 14.0% คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 38.6% ถัดมาได้แก่ ฟอร์ด ในอันดับ 3 ขายได้ 2,859 คัน ลดลง 13.5% ครองส่วนแบ่งตลาด 7.4% เป็นตัวเลขของรถกระบะดัดแปลง 5,410 คัน
ขณะที่ตลาดรถกระบะ Pure Pickup ปริมาณการขายทั้งสิ้น 33,140 คัน ลดลง 11.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นำโดยอีซูซุ ในอันดับ 1 จำนวน 15,222 คัน ลดลง 1.6% ส่วนแบ่งตลาด 45.9% อันดับ 2 ได้แก่ โตโยต้า จำนวน 12,550 คัน ลดลง 13.7% ครองส่วนแบ่งทางตลาด 37.9% อันดับ 3 ได้แก่ ฟอร์ด ขายได้ 2,377 คัน ลดลง 16.3% ส่วนแบ่งตลาด 7.2%
ด้านยอดจำหน่ายรถยนต์นับตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2564 มีปริมาณการขายสะสมทั้งสิ้น 668,109 คัน ลดลง 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา นำโดยโตโยต้า ในอันดับ 1 จำนวน 212,573 คัน เพิ่มขึ้น 0.7% ครองแชร์ 31.8% อันดับ 2 ได้แก่ อีซูซุ ด้วยยอดขาย 165,359 คัน เพิ่มขึ้น 4.5% ครองส่วนแบ่งตลาด 24.8% ส่วนอันดับ 3 ได้แก่ ฮอนด้า จำนวน 77,136 คัน ลดลง 7.0% ถือส่วนแบ่งตลาด 11.5%