“ไฮบริด” ตอบโจทย์ “ประหยัดจริง” ดันยอดขาย สร้างการเติบโต
รถยนต์ขุมพลังเครื่องยนต์ไฮบริด ยังคงได้รับความนิยม และเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน โดดเด่นด้านความประหยัด ทั้งยังใช้งานได้สะดวกสบายและมั่นใจ ในช่วงเวลาที่ระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้ายังไม่ครอบคลุมการใช้งาน เป็นแนวทางสร้างความแข็งแกร่งและทำตลาดของผู้ผลิตโดยเฉพาะค่ายญี่ปุ่น ภายใต้กระแสบีอีวีที่ถาโถมตลาดในยุคปัจุบัน
เป็นที่ทราบกันดีว่าในช่วงเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% (บีอีวี) เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย เป็นเทรนด์ของรถยนต์ในยุคปัจจุบัน และเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้บริโภค สร้างแรงกระเพื่อมให้กับภาครัฐและภาคเอกชน ทั้งในเรื่องการนำเสนอรถรุ่นใหม่ๆ รวมถึงการสร้างระบบนิเวศยานยนต์พลังงานฟ้าเพื่อรองรับการใช้งาน
จากทิศทางดังกล่าวเป็นแรงกระตุ้นให้ค่ายผู้ผลิตหน้าใหม่กระโดดร่วมวงบีอีวี โดยเฉพาะค่ายสัญชาติจีนที่เรียงแถวเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง มาพร้อมทางเลือกที่หลากหลาย ภายใต้ราคาจำหน่ายที่สร้างโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ง่ายยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดีความเชื่อมั่นในแบรนด์และผลิตภัณฑ์ยังคงเป็นเครื่องหมายคำถามในใจผู้บริโภค ในช่วงเวลาที่บีอีวีได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเทียบกับความเชื่อมั่นที่มีต่อแบรนด์ญี่ปุ่นที่มีรากฐานที่แข็งแกร่งในตลาดประเทศไทย ในบทบาทของผู้เล่นหลักและเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งนำเสนอขุมพลังเครื่องยนต์ไฮบริดสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องและเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ตอบสนองการใช้งานของผู้บริโภคที่ต้องการความประหยัด และยังไม่พร้อมที่จะก้าวไปสู่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เนื่องด้วยเหตุผลที่ได้กล่าวไปในข้างต้น
ด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์ บวกกับความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้รถยนต์พลังงานไฮบริดยังคงเดินไปในทิศทางที่ยอดเยี่ยม ชูโรงด้วยค่ายฮอนด้าที่ปูพรมด้วยทางเลือกภายใต้ 3 เซ็กเมนต์หลักของตลาดรถยนต์ในประเทศไทย ได้แก่ คอมแพ็คคาร์, เอสยูวีขนาดกลาง และเอสยูวีขนาดใหญ่ ยังคงไว้ซึ่งความนิยมจากผู้บริโภค ตอกย้ำบทบาทผู้นำ xEV ด้วยยอดขาย 48,208 คันในปีที่ผ่านมา
โดย ฮอนด้า พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และรักษามาตรฐานการบริการผ่านเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการทั่วประเทศ ตอกย้ำความเชื่อมั่นในระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่ให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งไลน์อัปขุมพลังไฮบริดของฮอนด้าทุกรุ่น เติมเต็มด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING พร้อมตอบโจทย์การใช้งานและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายในปัจจุบันได้อย่างไร้กังวล
ขณะที่ค่ายโตโยต้า ให้ความสำคัญกับตลาดรถไฮบริดเช่นกัน มาพร้อมทางเลือกที่หลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในสไตล์ที่แตกต่างกันไป และด้วยฐานแฟนที่แน่นหนาบวกกับผลิตภัณฑ์ที่ตรงความต้องการ ส่งผลให้สามารถเดินหน้าเก็บเกี่ยวยอดขายในเซ็กเมนต์ไฮบริดได้ราว 31,000 คันในปีที่ผ่านมา และพร้อมที่จะเสริมทัพด้วยทางเลือกใหม่ๆ เติมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์
เนื่องจากยังมองเห็นโอกาสในตลาดทั้งยังได้เปรียบในเรื่องความสะดวกสบายในการใช้งาน เมื่อเทียบกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่ต้องวางแผนและเผื่อเวลาสำหรับการเดินทาง รวมถึงความประหยัดที่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เมื่อมองถึงการใช้งานในระยะยาว ซึ่งเติมเต็มความน่าสนใจและสร้างความแข็งแกร่งให้กับรถยนต์พลังงานไฮบริด ท่ามกลางกระแสของบีอีวีในยุคปัจจุบัน
ส่วนในตลาดรถหรู ความนิยมของรถยนต์พลังงานไฮบริด เพิ่มขึ้นเป็นลำดับเช่นกัน ทั้งยังมาพร้อมทางเลือกที่หลากหลายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะปลั๊ก-อิน ไฮบริด ที่ยังคงไว้ซึ่งความโดดเด่นของระบบไฮบริด บวกกับความสามารถในการชาร์จไฟฟ้าและขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ในแบบฉบับของบีอีวี ส่งผลให้ผู้ผลิตหลากหลายค่ายเดินหน้าเสริมทัพด้วยรถรุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
รวมถึงด้านการผลิตจากการรายงานของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ตัวเลขการผลิตรถยนต์นั่ง (HEV) ขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ด้วยยอดการผลิต 18,801 คัน เติบโตถึง 94.63% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ขณะที่ตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฮบริดมีจำนวนทั้งสิ้น 10,130 คัน ขยายตัวเพิ่มขึ้น71.52% รวมถึงยอดส่งออกที่มีตัวเลขราว 4,953 คัน เติบโตถึง 478.62%
จากทิศทางดังกล่าวสะท้อนความนิยมของรถยนต์ขุมพลังไฮบริด ที่ยังคงเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ ของผู้บริโภคในประเทศไทย ถึงแม้ว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะเข้ามาสร้างความคึกคักให้กับตลาด ทว่าเมื่อเทียบการใช้งานจริงนั้น ขุมพลังไฮบริดยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ และน่าจะตอบโจทย์กับตลาดประเทศไทยในช่วงเวลาปัจจุบัน