“เอ็มจี” 3 รุ่น ‘ยอดจอง’ ทุบสถิติ คนไทยตอบรับ ‘รถไฟฟ้า’ ของจริง

เอ็มจี เดินบนเส้นทางรถยนต์ไฟฟ้านับตั้งแต่เปิดตัวรถรุ่นแรกในปี 2562 จนมาถึงปัจจุบัน ได้มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดการเปิดตัว NEW MG IM6, MG S5 และ MG4 Electric ปลุกกระแสความนิยมเทคโนโลยีและคุณภาพ ทุบสถิติยอดจองในมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 สะท้อนความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์เอ็มจี พร้อมเร่งขยายการเติบโตต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดเมืองไทย
ด้วยแนวทางที่ เอ็มจี ยึดมั่น ภายใต้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและการพัฒนาในแง่บริการหลังการขายมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยกลยุทธ์การนำเสนอโปรดักต์ในแง่มุมที่หลากหลายผสมผสานเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อมัดใจผู้บริโภคชาวไทย
ล่าสุดในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 46 ที่ผ่านมา เอ็มจี ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ IM6 พรีเมียมไฟฟ้ามาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำ และเอสยูวี ขุมพลังไฟฟ้าอีกรุ่น MG S5 ที่เพิ่งเปิดตัวและประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ รวมถึงการเปิด MG4 Electric สีใหม่ ภายในงาน ตอกย้ำภาพผู้นำยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
หลังจากเปิดราคาจำหน่ายก็สร้างกระแสความนิยมอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากช่วงการจัดงานมียอดจองกว่า 700 คัน สำหรับ MG S5 EV และ MG IM6 มียอดจองกว่า 500 คัน รวมกว่า 1,200 คัน และล่าสุดสร้างสถิติครั้งใหม่โดย MG4 Electric ยอดจอง 1,877 คัน MG IM6 ยอดจอง 1,360 คัน และ MG S5 EV ยอดจอง 1,300 คัน และรุ่นอื่นๆ ทั้งอีวีและสันดาป ของ MG 1,373 คัน
ส่งผลให้ยอดจองรวมของค่ายกวาดยอดถึง 5,910 คัน สะท้อนกระแสตอบรับอย่างท่วมท้นจากผู้บริโภคในทุกเซ็กเมนต์ ตอกย้ำความมั่นใจของลูกค้าในเทคโนโลยีและคุณภาพของแบรนด์เอ็มจี และยิ่งมี Lifetime Warranty รับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อนตลอดอายุการใช้งาน ทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือก MG EV Series มากขึ้น
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “หลังเปิดตัว MG IM6 และ NEW MG S5 EV อย่างเป็นทางการ พบว่ากระแสความสนใจจากลูกค้าและผู้ที่กำลังมองหารถพลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี ในกลุ่ม SUV พุ่งสูงเกินความคาดหมาย สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์เอ็มจี และการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดรถพลังงานไฟฟ้า”
การตอบรับที่ดี อีกส่วนหนึ่งยังเป็นผลมาจากการที่ เอ็มจี อยู่ในตลาดอีวี มายาวนาน มีสินค้าที่หลากหลาย ซึ่งมีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า อีวี แม้จะอยู่ในเมืองไทยมาระยะหนึ่ง แต่ก็ยังถือเป็นของใหม่ของหลายคนที่ยังไม่แน่ใจกับพลังงานใหม่ ว่าจะใช้งานได้ดีเพียงใด
ขณะเดียวกันอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ หรือ pain point ของอีวี คือความสะดวกสบายในการใช้งาน เพราะปัจจุบันกระแสข่าวในโลกโซเชียล ที่จุดชาร์จไม่เพียงพอ และมีปัญหาแย่งชิงจุดชาร์จ หรือรถอื่นๆ เข้ามาจอดในพื้นที่ชาร์จของอีวี ส่งผลให้หลายคนชะลอการตัดสินใจซื้ออีวี ออกไป เพราะต้องยอมรับความจริงว่า ตลาดอีวี ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เติบโตหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่การขยายจุดชาร์จยังค่อนข้างทรงตัว เนื่องจากยังมีปัญหาหลายอย่าง
แต่การเข้ามาขับเคลื่อนด้วยตัวเองของเอ็มจี ด้วยการติดตั้งสถานีชาร์จในพื้นที่ของตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ รวมถึงพันธมิตรอย่าง บางจาก รวม 136 แห่ง ในขณะนี้ พร้อมตั้งเป้าว่าจะเปิดบริการทุก 150 กม. ในเส้นทางหลัก ทำให้ลูกค้าเอ็มจี มีความมั่นใจว่าจะสามารถใช้งานได้สะดวก
ความมั่นใจในการใช้งานระยะยาว มีผลต่อการขับเคลื่อนแบรนด์ ขับเคลื่อนตลาด ซึ่งความเคลื่อนไหวของเอ็มจี อีกสิ่งหนึ่งคือ การมีเป้าหมายในเชิงอุตสาหกรรมที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นแผนการประกอบอีวีในไทย รวมถึงแผนลงทุนโรงงานชิ้นส่วนแบตเตอรี่ และประกอบแบตเตอรี่ ด้วยงบลงทุนเบื้องต้น 500 ล้านบาท ในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเออีสเทิร์นซีบอร์ด 2 จังหวัดชลบุรี
ซึ่งองค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้ มีผลที่ทำให้ เอ็มจี ได้รับการยอมรับจากตลาด ซึ่งจะเห็นได้ว่า แม้ตลาดจะมีการแข่งขันรุนแรงแค่ไหน แต่ อีวี ของเอ็มจี ที่เปิดตัวออกสู่ตลาด จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าทุกรุ่น