“วอลโว่” แฮปปี้ “บีอีวี” ชนะใจแฟน เร่งเคลียร์แบ็กออเดอร์ พร้อมส่งรุ่นใหม่ Q4

ค่ายวอลโว่ ฝ่าวิกฤติขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์ เดินหน้าส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ให้กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำความนิยมด้วยยอดจดทะเบียน Volvo XC40 Recharge กว่า 400 คัน หลังผ่าน 5 เดือนแรกของปี และเตรียมส่งมอบ Volvo C40 Recharge ให้กับลูกค้าในช่วงไตรมาสที่ 4 สานต่อทิศทางอันยอดเยี่ยมของยานยนต์พลังงานไฟฟ้าค่ายวอลโว่ในตลาดประเทศไทย
แบรนด์วอลโว่ เป็นหนึ่งในค่ายผู้ผลิตยานยนต์ที่มีแนวทางการทำตลาดที่ชัดเจนในเรื่องของการลดมลพิษ และส่งมอบรถยนต์พลังงานสะอาด โดยรถทุกรุ่นในไลน์อัปจะขับเคลื่อนด้วยขุมพลังไฮบริด ภายใต้บอดี้ที่แตกต่างกันไปตามความต้องการของผู้บริโภค ครบครันทั้งในรูปโฉมของเอสยูวี, ซีดาน และเอสเตท
รวมถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% อย่าง Volvo XC40 Recharge ที่เข้ามาเพิ่มทางเลือกใหกับผู้บริโภค ในบทบาทของรถยนต์อเนกประสงค์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของค่ายวอลโว่ ที่เปิดตัวและทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปีก่อนหน้านี้ภายในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ มาพร้อมการตอบรับที่ดีเยี่ยมจากผู้บริโภค และเดินหน้าเก็บเกี่ยวยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง
ทว่าวิกฤติขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์ส่งผลโดยตรงต่อการผลิตและส่งมอบรถให้กับลูกค้า เป็นหนึ่งในปัญหาที่หลากหลายค่ายโดนเล่นงานอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่ง วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) แก้ปัญหาด้วยการสร้างความเข้าใจที่ดีให้กับลูกค้า พร้อมทั้งเดินหน้าเติมสต็อกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ลูกค้าส่วนใหญ่ตัดสินใจที่จะรอ เพื่อเป็นเจ้าของพรีเมียมคาร์สัญชาติสวีดิช
และด้วยความต้องการของผู้บริโภคที่ใกล้เคียงกับความสามารถในการส่งมอบรถ ส่งผลให้ Volvo XC40 Recharge มีตัวเลขจดทะเบียนอยู่ในอันดับต้นๆ หลังผ่าน 5 เดือนแรกของปี ด้วยจำนวนทั้งสิ้น 385 คัน เป็นรองเพียง ORA Good Cat ที่มียอดจดทะเบียน 902 คัน รองลงไปได้แก่ MG EP ด้วยจำนวน 299 คัน จากภาพรวมของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่มียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 2,220 คัน
สำหรับ Volvo XC40 Recharge คือรถเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกของแบรนด์ โดดเด่นเตะตาภายใต้รูปโฉมที่ทันสมัย กระจังหน้าเป็นฝาครอบแบบยูนิบอดี้ติดโลโกวอลโว่ ส่วนพื้นที่ใต้ฝากระโปรงหน้าถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่เก็บสัมภาระ สามารถบรรจุของได้มากถึง 31 ลิตร ตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันได้อย่างลงตัว
ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 78 กิโลวัตต์/ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร/การชาร์จไฟฟ้าเต็ม 1 ครั้ง ใช้เวลาชาร์จไฟจาก 0-100% ภายในเวลา 6-8 ชั่วโมง ด้วยเครื่องชาร์จไฟมาตรฐานขนาด 11 กิโลวัตต์ (Wall-Box EV Changer) ทั้งยังสามารถเลือกใช้ระบบควิกชาร์จซึ่งช่วยให้ชาร์จได้เร็วยิ่งขึ้น โดยใช้เวลาชาร์จไฟฟ้าจาก 0-80% ได้ภายในเวลาเพียง 40 นาที โดยผู้ขับขี่ยังสามารถตั้งเวลาชาร์จไฟรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชัน Volvo on Call
ก่อนที่ วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จะสานต่อความสำเร็จของ Volvo XC40 Recharge และทิศทางอันยอดเยี่ยมของ แบรนด์วอลโว่ ในตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าด้วย Volvo C40 Recharge ภายใต้รูปโฉมของครอสโอเวอร์ที่มาพร้อมความทันสมัยภายใต้ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า ที่เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
และยังคงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคที่สนใจจับจองเป็นเจ้าของ อย่างไรก็ดียังต้องรอเวลาสำหรับการเดินเครื่องไลน์ผลิตที่ประเทศมาเลเซีย ทั้งยังมีวิกฤติขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลโดยตรงต่อการส่งมอบ Volvo C40 Recharge ให้กับลูกค้าในประเทศไทย โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มส่งมอบได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

Volvo XC40 Recharge P8 AWD in Glacier Silver
ด้วยความน่าสนใจของผลิตภัณฑ์ รวมถึงข้อเสนอที่เย้ายวนใจและความเชื่อมั่นในแบรนด์ ส่งผลให้ลูกค้ายังคงถือใบจองรอบวันเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่จากค่ายวอลโว่ แม้ว่า วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จะเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถตัดสินใจยกเลิกดีลดังกล่าวได้ ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของฐานแฟนวอลโว่ ในตลาดประเทศไทย
สำหรับ Volvo C40 Recharge มาภายใต้แพลตฟอร์ม Compact Modular Architecture (CMA) ที่พัฒนาขึ้นเพื่อรถยนต์คอมแพ็คสไตล์ครอสโอเวอร์ คูเป้ โดยเฉพาะ ด้านหน้าตัวรถคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ตะแกรงแบบฝาครอบปิดสีเดียวกับตัวถัง ประดับด้วยตราสัญลักษณ์วอลโว่ โดดเด่นด้วยเส้นหลังคา Slimmed Crossover Roof Line ที่รับกับทรงท้ายลาดตามแบบฉบับรถยนต์สไตล์คูเป้ มาพร้อมไฟท้ายแบบเส้นปะสอดรับแผงไฟหลักด้านหลัง ผสานความโมเดิร์นและความคลาสสิก รวมถึงแผง Aero Optimised Spoiler ที่ช่วยในเรื่องการทรงตัวและการยึดเกาะถนน
ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ Dual Motor AWD ให้กำลังสูงสุด 408 แรงม้า ที่ 4,350-13,900 รอบ/นาที สร้างแรงบิด 660 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 ได้ในระยะเวลา 4.7 วินาที วิ่งได้ระยะทางสูงสุดกว่า 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง แบตเตอรี่มีระบบรองรับการชาร์จเร็ว ใช้เวลา 37 นาทีสำหรับการชาร์จจาก 0-80% มาพร้อมระบบการขับขี่แบบ One Pedal Drive ที่ให้การเร่ง ชะลอ และเบรกด้วยแป้นเหยียบเพียงแป้นเดียว และเริ่มขับโดยไม่ต้องกดปุ่มสตาร์ต
นอกจากการเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แล้ว งานบริการก็เป็นหนึ่งในแนวทางที่วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) ขับเคลื่อนควบคู่กันไป เพื่อสร้างความมั่นใจและเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเตรียมเปิด Volvo Studio Bangkok ที่ไอคอน สยาม ซึ่งเป็นคอนเซปต์ สตูดิโอ แห่งแรกของวอลโว่ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก