“วอลโว่” เตรียมเสริมทัพ ย้ำความนิยม “อีวี-พีเอชอีวี”

“วอลโว่” มองตลาดรถยนต์ไฮบริดยังคงสามารถไปต่อได้ จากสัดส่วนยอดขายที่วอลโว่ทำได้ 20% จากยอดขายรวมทั้งหมดของวอลโว่ ตั้งเป้าปี 2568 เดินหน้าสานต่อความสำเร็จจากปีก่อน โดยเตรียมนำยานยนต์รุ่นใหม่ เปิดตัวมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่จะมีทั้งรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด
แบรนด์วอลโว่ ในประเทศไทย สามารถทำยอดขายได้อย่างน่าประทับใจในปี 2024 ที่ผ่านมา และนับเป็นยอดขายทั่วโลกตลอดทั้งปีที่วอลโว่ทำได้สูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์มาเป็นเวลากว่า 98 ปี ในจำนวน 763,389 คัน ที่ขายได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติสวีเดนเกริ่นเป็นนัยๆ ว่า ในอนาคตยังมีความท้าทายด้านการแข่งขันในตลาดสูงอยู่ ดังนั้น วอลโว่จึงมีการวางแผนเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ถึง 5 รุ่น โดยเน้นไปที่ระบบส่งกำลังแบบไฮบริดมากขึ้น
ยอดขายในปี 2024 ของวอลโว่ ทำรายได้ทะลุ 400,000 ล้านโครนาสวีเดน (SEK) หรือเกือบ 37,000 ล้านดอลลาร์ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1,291,300 ล้านบาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน) ซึ่งเป็นการทำยอดขายได้สูงขนาดนี้เป็นครั้งแรก โดยทำกำไร 27,000 ล้านโครนาสวีเดน เพิ่มขึ้น 6 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2023 เป็นยอดขายจากรถยนต์ไฟฟ้า 175,194 คัน เพิ่มขึ้น 54 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
นั่นหมายความว่า รถยนต์ไฟฟ้ามีบทบาทสำคัญในธุรกิจของวอลโว่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นในรุ่น EX30 เพราะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในทวีปยุโรป นอกจากนี้ ยังได้มีการเปิดตัวรุ่น EX90, XC90 รวมถึงรถตู้ไฟฟ้า EM90 ในประเทศจีนอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าในปี 2024 จะทำยอดขายได้ถล่มทลาย แต่หากมานั่งวิเคราะห์ตัวเลขที่เกิดขึ้นดีๆ จะเห็นได้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังมียอดขายลดลงกว่าในครึ่งปีแรก อันเนื่องมาจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีนและประเทศสหรัฐอเมริกา
สำหรับการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่สำหรับในปี 2025 นี้ คือการเตรียมความพร้อมที่จะเปิดตัวเก๋งซีดานหรูคันใหม่อย่าง VOLVO ES90 ที่พร้อมแล้วที่จะเตรียมออกสู่สาธารณชนในเดือนมีนาคมที่กำลังจะถึง โดยจะเป็นรถยนต์รุ่นที่สองต่อจาก EX90 ที่ใช้แพลตฟอร์ม SPA2 รวมไปถึงในรุ่น EX30 Cross Country ซึ่งคาดว่าจะเป็นรุ่นที่มีระยะทางวิ่งที่สูงขึ้นกว่าในรุ่นเล็กสุดของแบรนด์
นอกจากนี้ วอลโว่เองก็กำลังพัฒนารถยนต์ไฮบริดแบบปลั๊กอิน ที่สามารถวิ่งในระยะทางที่ไกลขึ้นสำหรับตลาดในประเทศจีน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นรุ่นย่อยใหม่จากรุ่นเดิมที่มีอยู่แล้ว หรือว่าจะเป็นโมเดลใหม่เลย โดยอาจจะใช้สถาปัตยกรรมโมดูลาร์ขนาดกะทัดรัดของ Geely ซึ่งเป็นพื้นฐานของ Lynk & Co รุ่น 07 และ 08 ทั้งสองรุ่นมีระยะการขับขี่รวม 870 ไมล์ หรือประมาณ 1,400 กิโลเมตร ตามการทดสอบในประเทศจีน โดยที่รถยนต์ Polestar 2, VOLVO XC40 และ C40 (ปัจจุบันเรียกว่า EC40) ทั้งหมดก็สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มนี้เช่นกัน
วอลโว่ยังวางแผนที่จะปรับโฉมรุ่นที่มีอยู่ 2 รุ่น ได้แก่ XC60 ที่วางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2018 และ S60 Sedan หรือไม่แน่ก็อาจจะเป็น V60 Wagon, S90 Sedan และ V90 Wagon เพราะทั้งหมดนี้เป็นรุ่นที่ล้าสมัยไปแล้ว แต่ไม่ว่าวอลโว่จะปรับรุ่นไหน ก็คาดว่าจะได้รับการเปลี่ยนแปลงคล้ายๆ กับในรุ่น XC90 ปี 2025 อย่างแน่นอน
สำหรับแผนงานในปี 2025 วอลโว่ยังเดินหน้าเร่งการผลิต XC90 และ EX90 ใหม่ เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าทั่วโลก นอกจากนี้ วอลโว่กำลังจะเริ่มผลิต EX30 ในเมืองเกนท์ ประเทศเบลเยียม ควบคู่ไปกับโรงงานในประเทศจีน รวมไปถึงการสร้างรถยนต์ต้นแบบคันแรกสำหรับ EX60 ซึ่งจะมาในรูปแบบของ SUV ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัด ที่เตรียมออกสู่ตลาดในปี 2026 บนแพลตฟอร์ม SPA3 ใหม่ อีกด้วย