“บีที-50” ทางดี “มาสด้า” แฮปปี้ ชูสมรรถนะโดดเด่น เติมเต็มการใช้งาน
มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) ยิ้มรับทิศทางที่ดีของมาสด้า บีที-50 เจนฯล่าสุด ซึ่งได้รับความนิยมจากแฟนมาสด้าเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ตอกย้ำความสำคัญของรถกระบะที่ยังคงเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ ของผู้ใช้รถในเมืองไทย ผลักดันยอดขายให้เติบโตเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ด้วยความครบครันทั้งในเรื่องรูปโฉม รวมถึงสมรรถนะการใช้งานที่ตรงความต้องการของผู้บริโภค
มาสด้า บีที-50 มีส่วนสำคัญในการสร้างความเติบโตให้กับแบรนด์มาสด้า นับตั้งแต่ถูกส่งลงทำตลาดในประเทศไทย มาพร้อมการตอบรับที่ยอดเยี่ยมจากผู้บริโภคชาวไทยในเจนฯแรก ภายใต้ชื่อรุ่น บีที-50 ไล่เลียงมาจนถึงเจนฯที่ 2 ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมกับ ฟอร์ด นับเป็นช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของแบรนด์มาสด้า ในตลาดรถกระบะ สามารถทำยอดขายได้ทะลุหลักหมื่นคัน สร้างความเป็นตัวตนและภาพจำให้กับลูกค้าในประเทศไทย
ก่อนที่ค่ายมาสด้า จะเปิดตัวเจเนอเรชันที่ 3 ของรถกระบะมาสด้า บีที-50 อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ในช่วงต้นปี 2021 ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมกับ อีซูซุ ยังคงไว้ซึ่งความโดดเด่นในเรื่องของรูปโฉม ภายใต้โคโดะดีไซน์ ที่แสดงความเป็นตัวตนของแบรนด์มาสด้า มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ 2 พิกัด ขนาด 1.9 ลิตร และ 3.0 ลิตร เป็นผลผลิตจากโรงงานอีซูซุ ที่สมุทรปราการ
ด้วยความเข้มข้นของตลาดรถกระบะในประเทศไทย บวกกับเทรนด์ของยานยนต์ในยุคปัจจุบันที่เป็นช่วงเวลาของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า มีส่วนสำคัญที่ทำให้ยอดขายของ บีที-50 ไม่เปรี้ยงปร้างเท่าที่ควร ส่งผลให้ มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) เพิ่มความสดใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ด้วย มาสด้า บีที-50 รุ่นปรับโฉมปี 2024 สร้างโอกาสขยับส่วนแบ่งในตลาดรถกระบะ
“ในวันนี้ตลาดรถปิกอัพมีการแข่งขันที่ดุเดือด ทั้งสงครามราคา แคมเปญ ส่วนลด ซึ่งมาสด้าจะไม่ลงไปเล่นในสมรภูมิเช่นนี้ แต่เราจะสร้างพื้นที่ของเรา สร้างกลุ่มลูกค้าเฉพาะขึ้นมาใหม่ เราเล็งเห็นช่องว่างในการเติมเต็มความต้องการของลูกค้า นั่นคือตลาดขับสองยกสูง เป็นสิ่งที่ลูกค้าเรียกร้องมาตลอดและยังไม่เคยได้รับการตอบสนอง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของแฟนมาสด้า การปรับโฉมปิกอัพ มาสด้า บีที-50 ใหม่ จึงให้ความสำคัญทั้งในเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกที่ ดุดันสไตล์สปอร์ต ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายและระบบความปลอดภัยถูกใส่เข้ามาแบบเต็มคัน”
“รวมถึงพละกำลังของเครื่องยนต์อันทรงพลัง ด้วยการเพิ่มไลน์อัพของเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ซึ่งปกติจะมีเฉพาะในรุ่น 4×4 มาสด้าได้นำเครื่องยนต์นี้ใส่ลงในรุ่น 4×2 แบบยกสูง หรือ Hi-Racer ทั้งรุ่นฟรีสไตล์แคบ FSC และรุ่นดับเบิ้ลแค็บ DBL ซึ่งถือเป็นการเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายและตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าได้ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์มากยิ่งขึ้น” นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยถึงการขยับตัวครั้งล่าสุดของ บีที-50
โดยเวอร์ชันล่าสุดของ มาสด้า บีที-50 มาพร้อมการตอบรับที่ดีจากแฟนมาสด้า กระตุ้นยอดขายให้เติบโตเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เดินไปในทิศทางที่น่าพอใจ ตอกย้ำความสำคัญของรถกระบะที่ยังคงเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ ของผู้บริโภคชาวไทย ด้วยความอเนกประสงค์ครบครัน สามารถตอบสนองการใช้งานได้หลากหลาย ทั้งในบทบาทของพาหนะสำหรับเดินทาง ไล่เลียงไปจนถึงเครื่องมือทำกิน โดยคาดว่าค่ายมาสด้า จะสามารถขยับยอดขายในตลาดรถกระบะได้ดีขึ้นเป็นลำดับ
สำหรับ มาสด้า บีที-50 ใหม่ ชูความโดดเด่นสไตล์เอสยูวี มาพร้อมกระจังหน้าและ Signature Wing สีดำเงาในทุกรุ่นย่อย เพิ่มความสปอร์ตดุดันด้วยสีภายนอกใหม่ เสริมความแกร่งให้กับดีไซน์ภายนอกด้วยชุดแต่งพิเศษ Black Thunder สีดำเงา ประกอบด้วยชุดแต่งกันชนหน้า สปอร์ตบาร์ กระจกมองข้าง คิ้วตกแต่งซุ้มล้อ มือจับเปิดประตู และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัย สะท้อนบุคคลิกอันโดดเด่นในสไตล์มาสด้า
ภายในห้องโดยสารเน้นความเรียบง่าย เพิ่มความสปอร์ตด้วยเบาะหนังทูโทนสีน้ำตาล-ดำ ใช้วัสดุคุณภาพสูง ทั้งยังตกแต่งด้วยความประณีตและสัมผัสได้ถึงคุณภาพ อุปกรณ์มาตรฐานได้รับการอัปเกรดเพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้งานและไลฟ์สไตล์ของทั้งคนขับและผู้โดยสาร อาทิเช่น หน้าจอแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ใหม่ ที่ถูกติดตั้งมาในรุ่นเริ่มต้น และหน้าจอแบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนแบบไร้สาย ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto
ตอบสนองการใช้งานด้วยเครื่องยนต์ 2 พิกัด ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ให้แรงบิดสูงตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ต่ำ โดดเด่นด้วยอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม และเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลัง ตอบสนองดีเยี่ยมในทุกรอบความเร็ว ผสานการทำงานร่วมกับระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ให้เลือกได้ตามความเหมาะสมของการขับขี่ สามารถรองรับน้ำมัน B20 พร้อมด้วยมาตรฐานไอเสียเครื่องยนต์ EURO 5