“บีวายดี” เร่งแผนผลิตอีวี เชื่อ 2 รุ่น ปีนี้โกย 5 หมื่นคัน
บีวายดี ชูความพร้อมเดินหน้าแผนงานผลิตรถยนต์จากโรงงานประเทศไทย กลางปี 2567 รับตลาดในประเทศ–ส่งออก เผยจับมือชาร์จ แมเนจเม้นท์ เปลี่ยนสถานีชาร์จทั้งหมดเป็น RÊVERCHARGER ปูพรม 1,100 หัวจ่าย ประกาศมั่นใจ ATTO 3 และ Dolphin ขายทั้งปี 5 หมื่นคัน
หลังการเปิดตัวเรียกระแสความคึกคักให้กับตลาดอีวี ของ บีวาย ดอลฟิน เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายเคอ ยูบิน ผู้จัดการทั่วไปประจำประเทศไทย บริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) ได้เปิดเผยความคืบหน้าของการดำเนินการก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ บีวายดีในประเทศไทย ว่า ได้ดำเนินตามแผนงานไปแล้วประมาณ 5% ซึ่งถือว่าเร็วกว่าแผนงานที่วางไว้ 1 เดือน
พร้อมคาดการณ์ว่าจะเริ่มแผนงานการทดลองผลิตรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกจากโรงงานประเทศไทย ได้ล่วงหน้าภายในเดือนเมษายน 2567 หลังจากนั้นจะรีบเร่งเดินหน้าแผนผลิตรถยนต์อย่างเป็นทางการได้ในช่วงไตรมาสที่สามของปี 2567 โดยโรงงานแห่งใหม่ที่ประเทศไทยนี้ จะผลิตรถไฟฟ้า 100% และ Plug-in Hybrid ของ BYD ตั้งอยู่บนพื้นที่ 600 ไร่ ในนิคมอุตสาหกรรม WHA ระยอง 36 ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมลำดับที่ 11 ของ WHA Group ในไทย ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
ทั้งนี้จะเห็นว่า หลังจากเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า ATTO 3 ในประเทศไทย ลูกค้าให้ความนิยมรถอีวีของบีวายดีจำนวนมาก สังเกตได้จากยอดจดทะเบียนของ ATTO 3 ที่ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของยอดจดทะเบียนอีวี หรือมีจำนวน 11,000 คัน ขณะที่บีวายดีส่งมอบรถให้ลูกค้าถึง 15,000 คันแล้ว ส่วนแบ่งอยู่ที่ 35.2% และติดอันดับ 10 ในไทยเช่นเดียวกับตลาดออสเตรเลีย บีวายดีก็เป็นที่ 1 ส่วนสิงคโปร์และมาเลเซียติดอันดับ 3
ด้านนายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ เปิดเผยว่า หลังเปิดตัวรถ BYD Dolphin บริษัทตั้งเป้าเป็นที่ 1 ในกลุ่มรถ B segment ไม่รวมอีโคคาร์ โดยภายในสิ้นปี 2566 พร้อมทั้งตั้งเป้ายอดขายรถ 30,000-40,000 คัน โดยมีรถพร้อมปล่อยให้ลูกค้า 1,200 คันภายในเดือนนี้ และต่อไปจะทยอยนำเข้ามาเรื่อยๆ โดยทั้งปีได้ตั้งเป้ายอดขาย BYD ATTO 3 และ BYD DOLPHIN รวมทั้งสิ้น 50,000 คัน
ล่าสุด บริษัทฯ ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตร บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ SHARGE สร้าง EV Charging Ecosystem ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน โดยเปลี่ยนสถานีชาร์จ (SHARGE) ทั้งหมด เป็น RÊVERCHARGER ให้กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ในทุกภาคของประเทศไทย โดยกำหนดเป้าหมายการติดตั้งหัวชาร์จไฟฟ้าเพิ่มเติมให้ได้ครบ 1,100 หัวจ่าย ภายในวันที่ 1 มกราคม 2567 เพื่อให้บริการเชิงรุกและตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกมิติด้วย