“บีอีวี” โตก้าวกระโดด สะท้อนความนิยมผู้บริโภค

รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ขยายตัวก้าวกระโดดในตลาดประเทศไทย ด้วยยอดจดทะเบียนมากกว่า 18,000 คัน หลังผ่าน 4 เดือนแรกของปี นำโดยค่ายผู้ผลิตสัญชาติจีนที่แท็กทีมสร้างความคึกคักให้กับตลาดด้วยรถรุ่นใหม่ๆ สอดรับความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ที่ให้ความสนใจและจับจองเป็นเจ้าของยานยนต์พลังงานทางเลือก
การขับเคี่ยวของค่ายผู้ผลิตสัญชาติจีน สร้างความคึกคักให้กับตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในประเทศไทย นับตั้งแต่ค่ายเอ็มจี ประเดิมบทบาทผู้นำและเปิดตลาดดังกล่าวในประเทศไทย และใช้เวลาหลายปีในการสร้างความรู้ความเข้าใจ รวมถึงสร้างการยอมรับจากผู้บริโภคในประเทศไทย ควบคู่ไปกับการสร้างระบบนิเวศน์ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญและส่งผลต่อการขยายตัวของรถในเซ็กเมนต์ดังกล่าว
ด้วยโอกาสที่ยังเปิดกว้างบวกกับมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐบาลในเรื่องของภาษี เป็นหนึ่งในแรงจูงใจค่ายผู้ผลิตรถยนต์ร่วมชาติอย่าง เกรท วอลล์ มอเตอร์, เนต้า และบีวายดี เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ส่งผลให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่เพิ่มขึ้น ทั้งยังได้รับอานิสงส์จากการขับเคี่ยวด้านราคา สร้างโอกาสให้สามารถจับจองและเป็นเจ้าของได้ง่ายยิ่งขึ้น ผลักดันให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ขยายสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
โดยเฉพาะในปีนี้ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยยอดจดทะเบียน 18,599 คัน หลังผ่าน 4 เดือนแรกของปี ซึ่งมากกว่ายอดจดทะเบียนของทั้ง 3 ปีที่ผ่านมารวมกัน โดยในปี 2020 มียอดจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 1,056 คัน ก่อนจะขยับเพิ่มเป็น 1,935 คัน ในปี 2021 และ 9,729 คัน ในปีที่ผ่านมา ตอกย้ำถึงความนิยมของผู้บริโภคที่มีต่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย
สำหรับ 10 รุ่นที่มียอดจดทะเบียนมากที่สุดหลังผ่าน 4 เดือน ได้แก่ บีวายดี อัตโต 3 ที่ครองสัดส่วนมากถึง 39.2% ด้วยยอดจดทะเบียน 7,285 คัน รองลงมาได้แก่ เนต้า วี มียอดจดทะเบียน 3,066 คัน คิดเป็น 16.5% ตามด้วย เทสล่า โมเดลวาย จำนวน 1,984 คัน คิดเป็น 10.7% ส่วนอันดับ 4 ได้แก่ เอ็มจี 4 มียอดจดทะเบียน 1,143 คัน ครองสัดส่วน 6.1% และ เอ็มจี อีพี/อีเอส ในอันดับ 5 จำนวน 1,115 คัน คิดเป็น 6.0%
ขณะที่ โอร่า กู๊ดแคท มียอดจดทะเบียน 1,082 คัน ครองสัดส่วน 5.8% ตามด้วย เอ็มจี แซดเอส อีวี จำนวน 873 คัน คิดเป็น 4.7% และเทสล่า โมเดล 3 ในอันดับ 8 ด้วยยอดจดทะเบียน 813 คัน คิดเป็น 4.4% ด้าน วอลโว่ เอ็กซ์ซี 40 และวอลโว่ ซี 40 รั้งอยู่ในอันดับ 9 และ 10 ด้วยยอดจดทะเบียน 391 และ 259 คัน คิดเป็น 2.1% และ 1.4% ตามลำดับ
ด้าน 2 แบรนด์รถหรูอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู ที่แท็กทีมมากับ มินิ รวมถึงเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ขยับตัวรับการขยายตัวของตลาดด้วยรถรุ่นใหม่ที่เข้ามาเติมไลน์อัปในเซ็กเมนต์บีอีวี มาพร้อมการตอบรับที่ดี โดย บีเอ็มดับเบิลยู ไอเอ็กซ์3 มียอดจดทะเบียน 174 คัน ขณะที่ มินิ คูเปอร์ เอสอี มียอดจดทะเบียน 92 คัน ส่วน เมอร์เซเดส อีคิวเอส มียอดจดทะเบียน 16 คัน
จากการผ่อนคลายของวิกฤติขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดให้ตลาดรถยนต์ไม่เติบโตเท่าที่ควรจะเป็น จะส่งผลให้บรรดาค่ายผู้ผลิตสามารถเดินหน้าเก็บเกี่ยวยอดขายได้เพิ่มยิ่งขึ้น รวมถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้าด้วยเช่นกัน โดยเชื่อว่าตลาดจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในเรื่องของผลิตภัณฑ์ รวมถึงยอดขายที่จะขยายตัวไปในทิศทางเดียวกันกับความต้องการของผู้บริโภค