ลองขับ By The Great MAZDA Carbon Edition สมรรถนะคงเดิม เพิ่มเติมความดุดัน
การปรับโฉม เพิ่มโน่น เติมนั่น เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ค่ายผู้ผลิตรถยนต์เลือกใช้ เพื่อเพิ่มความสดใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่ถึงช่วงเวลาของการปรับใหญ่ หรือ ออลนิว ส่วนจะปรับมากหรือเปลี่ยนน้อยก็ว่ากันไป โดยหวังที่จะกระตุ้นความน่าสนใจจากผู้บริโภค เพื่อตัดสินใจจับจองเป็นเจ้าของ
โดย มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) ปูพรมด้วยรถเวอร์ชันพิเศษพร้อมกันทีเดียวถึง 4 รุ่น ทว่าเป็นการปรับโฉมไปในทิศทางเดียวกัน เพิ่มความสปอร์ตดุดันให้กับ มาสด้า2, มาสด้า3, มาสด้า CX-3 และ มาสด้า CX-30 ซึ่งแฟนมาสด้าต้องจ่ายเพิ่มจากรุ่นปกติ 10,000 บาท สำหรับ มาสด้า2 และ มาสด้า CX-3 ส่วน มาสด้า3 และ มาสด้า CX-30 จ่ายเพิ่ม 12,000 บาท
สำหรับ Mazda Carbon Edition ทั้ง 4 รุ่นได้รับการอัปเกรดภายใต้แนวคิด “Unique You” แสดงความเป็นตัวตนที่ชัดเจนยิ่งขึ้น มีความโดดเด่นทั้งภายนอกและภายในที่ได้รับการออกแบบขึ้นพิเศษ สร้างความแตกต่างโดยนำคอนเซปต์สไตล์คาร์บอนมาสร้างแรงบันดาลใจในการถ่ายทอดภาพลักษณ์ความสปอร์ต เพิ่มความหรูหราด้วยชุดแต่งพิเศษประกอบด้วยกระจกมองข้างสีดำ และล้ออัลลอยสีดำขนาด 18 นิ้ว ใน มาสด้า3, มาสด้า CX-3, มาสด้า CX-30 และขนาด 16 นิ้วในรุ่น มาสด้า2
รวมถึงภายในห้องโดยสารที่เติมความพิเศษด้วยเบาะนั่งสีแดง Burgundy พร้อมตกแต่งภายในด้วยหนังสีดำเดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดงบ่งบอกสไตล์ของผู้ขับได้อย่างชัดเจน การผสมผสานของสีและการตกแต่งนี้ทำให้รุ่นพิเศษนี้ดูสปอร์ตอย่างเด่นชัด กลายเป็นรถยนต์ที่เติมเต็มความต้องการของลูกค้าที่กำลังมองหารถยนต์ที่มีภาพลักษณ์สปอร์ต และถ่ายทอดความสนุกสนานในการขับขี่ ซึ่งเป็นเสน่ห์ที่น่าดึงดูดใจอันเป็นลักษณะเฉพาะของรถยนต์มาสด้าได้อย่างลงตัว
ล่าสุด มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) ได้จัดทริปทดสอบ Mazda Carbon Edition ครบครันทั้ง 4 รุ่น บนเส้นทาง กรุงเทพฯ-ชลบุรี ภายใต้ความโดดเด่นที่แตกต่างกันไปของรถแต่ละรุ่น ไล่เลียงจากตัวขายอย่าง มาสด้า2 ที่ยังคงไว้ซึ่งความปราดเปรียวคล่องตัว ขณะที่ มาสด้า3 มาพร้อมการขับขี่ที่สนุกดุดัน รวมถึง มาสด้า CX3 และ มาสด้า CX-30 รถอเนกประสงค์ที่โดดเด่นทั้งรูปโฉมและสมรรถนะการใช้งาน
แน่นอนว่าออปชันที่ใส่เพิ่มเข้ามาไม่ได้สร้างความแตกต่างในเรื่องของเทคโนโลยี ที่จะส่งผลโดยตรงต่อการใช้งานทั้งในเรื่องของพละกำลัง รวมถึงความสะดวกสบายหรือระบบความปลอดภัยต่างๆ ดังนั้นฟีลลิ่งการขับขี่ต่างๆ จึงไม่มีความแตกต่างจากรุ่นปกติ เคยขับขี่แล้วได้ความรู้สึกอย่างไรก็ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ทว่าสิ่งที่สัมผัสได้คือความรู้สึกที่มีต่อรูปโฉมหรือภาพลักษณ์ที่สปอร์ตดุดันขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยส่วนตัวค่อนข้างชอบกับความเปลี่ยนแปลง แม้จะเป็นเพียงการเพิ่มกระจกมองข้างและล้อแม็กสีดำสำหรับรูปโฉมภายนอก และเบาะนั่งสีแดง Burgundy สำหรับภายในตัวรถ แต่ก็นับว่ามีความน่าสนใจในระดับหนึ่ง
ส่วนใครจะชอบหรือเห็นต่างก็ว่ากันไป ซึ่งหลายๆ คนอาจมองว่าคุ้มค่ากับค่าตัวที่ต้องจ่ายเพิ่ม หรือบางคนอาจมองว่าจ่ายเพิ่มก็ไม่ได้ช่วยให้ขับขี่ได้ดีขึ้นก็ว่ากันไป แต่ที่แน่ๆ รถรุ่นพิเศษนี้พร้อมส่งได้ทันที ไม่ต้องรอคิว แต่ก็มีมาให้จับจองจำนวนจำกัดเช่นกัน ถ้าสนใจก็ลองไปสัมผัสตัวจริงๆ ดู เพื่อชั่งน้ำหนักและถามตัวเองว่า รถรุ่นนี้สร้างมาเพื่อตนเองหรือไม่ อย่างไร