‘โตโยต้า’ เตรียมเปิด 3 รุ่นใหม่ ปูพรมตลาดไทยครึ่งปีหลัง

โตโยต้า เผยแผนธุรกิจครึ่งปีหลังเดินเครื่องเต็มกำลัง จัดทัพรถใหม่ลุยตลาด 3 รุ่นรวด ประเดิมส่ง ยาริส เอทีฟ ไฮบริด มั่นใจตอบโจทย์ “แรง-ประหยัด” เอาใจผู้บริโภคชาวไทย เชื่อกอดส่วนแบ่งตลาดรถยนต์นั่งไฮบริดไว้เหนียวแน่น ก่อนไตรมาส 4 ส่งอีก 2 รุ่นใหม่ ดันยอดขายทั้งปีทะลุ 2.31 แสนคัน
นายศุภกร รัตนะวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในครึ่งปีหลังบริษัทเตรียมแผนเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาดไว้อย่างน้อย 3 รุ่น ได้แก่ โตโยต้า ยาริส เอทีฟ รุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด, รถยนต์ไฟฟ้า 100% bz4x และรถกระบะขนาด 1 ตัน โตโยต้า ไฮลักซ์ ซึ่งรวมถึงรถยนต์โตโยต้า ไฮลักซ์ บีอีวี ด้วย ส่วนรถยนต์รุ่นใหม่ที่พัฒนาจากรถไฮลักซ์ แชมป์ อย่าง โตโยต้า มินิ เอสยูวีนั้น ต้องรอลุ้นในปีหน้า
สำหรับแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่นั้น จะเริ่มจากรถยนต์นั่งขนาดเล็ก โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ไฮบริด จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 สิงหาคมนี้ มีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ซึ่งโตโยต้ามั่นใจว่าเมื่อแนะนำรถรุ่นนี้ออกสู่ตลาด น่าจะช่วยผลักดันให้โตโยต้า มีสัดส่วนยอดขายรถยนต์ไฮบริดสูง 80-90% ในตลาดรถยนต์นั่งประเภทไฮบริด
หลังจากก่อนหน้านี้ โตโยต้าได้แนะนำรถยนต์นั่ง ยาริส เอทีฟ รุ่นเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ออกสู่ตลาดเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2565 จนถึงเดือนพ.ค. 2568 ที่ผ่านมา มียอดขายสะสมทั้งสิ้น 141,977 คัน แบ่งเป็นยอดขายในปี 2565 จำนวน 18,600 คัน, 2566 จำนวน 58,060 คัน, 2567 จำนวน 43,912 คัน และล่าสุดยอดขายสะสม 5 เดือนแรก ม.ค.-พ.ค. 2568 มียอดขายสะสม 21,405 คัน
ทั้งนี้ โตโยต้ามั่นใจว่าหลังจากส่งรถยนต์ยาริส เอทีฟ ไฮบริด ออกสู่ตลาดแล้ว น่าจะมีส่วนสำคัญในการผลักดันยอดขายในตลาดรถยนต์ xEV (รถบีอีวี และรถไฮบริด) ที่มีความต้องการ 150,000 คันในปีนี้ ให้เติบโตได้ 25% โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ไฮบริดที่ปัจจุบันโตโยต้ามีส่วนแบ่งสูงกว่า 50.8% ไปแล้ว
สำหรับข้อมูลเบื้องต้นของ ยาริส เอทีฟ ไฮบริด โตโยต้าได้มีการพัฒนาโดยเน้นไปที่ความแรงและความประหยัด ด้วยการนำเทคโนโลยีไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ ที่เรียกว่า e-Smart Hybrid เข้าใส่ โดยใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขนาด 1.5 ลิตร ที่อยู่ใน ยาริส ครอส แต่อาจจะมีการปรับจูนเครื่องยนต์
โดยเครื่องยนต์ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้าเพื่อไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 0.7 kWh โดยไฟฟ้าจะถูกส่งไปยังมอเตอร์เพื่อใช้ในการขับเคลื่อน สำหรับเครื่องยนต์ 15 ลิตร พร้อมกับ 91 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 121 นิวตันเมตร ที่ 4,000-4,800 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 80 แรงม้า 141 นิวตันเมตร โดยเมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า จะให้กำลัง 111 แรงม้า ส่วนเกียร์เป็นจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ e-CVT รองรับน้ำมันสูงสุด E20
การออกแบบภายนอกนั้น ยังคงเหมือนกับรุ่นเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร เพียงแต่เพิ่มสัญลักษณ์แบรนด์ Toyota ที่มีพื้นสีฟ้า และโลโก HEV ภายในห้องโดยสาร ที่เรือนไมล์หน้าจอดิจิทัลจะมีฟังก์ชันแสดงผลระบบการทำงานของระบบไฮบริดเข้าแสดงผลการไหลเวียนของพลังงานมาแทนที่มาตรวัดรอบเครื่อง
นอกจากนี้โตโยต้าจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 100% อย่าง bz4x รุ่นนำเข้า (CBU) จากญี่ปุ่นมาทำตลาดอีกครั้ง และมั่นใจว่าน่าจะได้รับการตอบรับจากลุ่มลูกค้าผู้บริโภคชาวไทย และการกลับมาครั้งนี้จะเน้นทำการตลาดในวงกว้าง (Mass) มากขึ้น
จากนั้นบริษัทก็จะเปิดตัวรถยนต์ปิกอัพ โตโยต้า ไฮลักซ์ รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด และถือเป็นเจเนอเรชันล่าสุดจากผลิตผลของโครงการ IMV (Innovative International Multipurpose Vehicle) โดยคาดว่ารถปิกอัพไฮลักซ์ที่จะเปิดตัวครั้งนี้
ซึ่งโตโยต้าอาจจะมีการเปลี่ยนชื่อจาก ไฮลักซ์ รีโว่ เป็นชื่ออื่น และมีกระแสความเป็นไปได้ว่า โตโยต้าอาจจะตัดสินใจใช้ซื้อ ไฮลักซ์ ทราโว่ (TRAVO) ก็มีความเป็นไปได้สูง
นายศุภกร ยังกล่าวถึงตลาดรถยนต์ในช่วงครึ่งปีแรก 302,000 คัน ลดลง 3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วนโตโยต้ามียอดขายทั้งสิ้น 114,000 คัน มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ระดับ 37.6% โดยทั้งปียังมั่นใจว่าตลาดรวมจะมียอดขายรวมที่ 600,000 คัน โตโยต้ายังคงยืนยันเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 231,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 5% โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 38.5%