‘เอทีฟ’ ไฮบริด 2 ทางเลือก คุ้มค่า ครอบคลุม เริ่ม 7.19 แสน

โตโยต้าขยับตัวครั้งสำคัญในตลาด บี-เซ็กเมนต์ พร้อมนำเสนอเทคโนโลยีไฮบริดอันเลื่องชื่อ ผ่านการเปิดตัว “นิว ยาริส เอทีฟ เอชอีวี” ชูความประหยัด ความสะดวก บริการเครือข่ายที่ครอบคลุม เติมทางเลือก 2 รุ่นย่อย ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่มองหานวัตกรรม คุณภาพ เน้นความคุ้มค่าในระยะยาวและเป็นเจ้าของง่าย เคาะราคาเริ่มต้นที่ 7.19 แสน
ค่ายโตโยต้าเปิดตัว ยาริส เอทีฟ ครั้งแรกในปี 2560 เพื่อเพิ่มทางเลือกรูปแบบตัวซีดานให้กับอีโคคาร์ตัวเก่ง ยาริส แฮตช์แบ็ก ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถในรูปแบบ 3 กล่อง มีพื้นที่เก็บสัมภาระแยกส่วนที่ชัดเจน ส่วน ยาริส เอทีฟ เจเนอเรชันแรก ที่โตโยต้านำมาเปิดตัวทำตลาดในไทย จนถึงปี 2565 มียอดขายสะสมถึงเดือนมิถุนายน 280,000 คัน
หลังจากนั้น โตโยต้าจึงนำเสนอรถยนต์ ยาริส เอทีฟ เจเนอเรชัน 2 เข้ามารับช่วงต่อ ตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2565 พร้อมกับเรียกเสียงฮือฮาได้ เมื่อคว้า “แบมแบม GOT7” มาเป็นพรีเซนเตอร์ มีเป้าหมายเพื่อเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ และวัยรุ่นหนุ่มสาวมากขึ้น และยาริส เอทีฟ เจเนอเรชัน 2 ก็ไม่ทำให้โตโยต้าผิดหวัง เมื่อกวาดยอดจองได้ถึง 21,300 คัน หลังเปิดตัว 30 วัน
ถึงปัจจุบันสามารถสร้างยอดขายได้ 151,000 คัน และครั้งนี้โตโยต้ายังได้สานต่อเจตนารมณ์ยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมผ่านเทคโนโลยีไฮบริดอันเลื่องชื่อของโตโยต้า เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด xEV ที่เติบโตขึ้นในปีนี้ ด้วยการเปิดตัว “ยาริส เอทีฟ เอชอีวี” โดยมี 2 รุ่นย่อย คือ HEV Premium ราคา 729,000 บาท และ HEV GR Sport ราคา 779,000 บาท อย่างไรก็ตาม ในช่วงเปิดตัว ราคา ยาริส ไฮบริด ถึงสิ้นปี 2568 จะทำตลาดอยู่ที่ HEV Premium ราคา 719,000 บาท และ HEV GR Sport ราคา 769,000 บาท มาพร้อมจุดเด่นด้วยสเปกเครื่องยนต์ 2NR-VEX ความจุ 1,496 ซี.ซี. ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า/5,500 รอบต่อนาที ส่งแรงบิดสูงสุด 121 นิวตันเมตร/4,000-4,800 รอบ/นาที ทำกำลังร่วมสูงสุด 111 แรงม้า มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ e-CVT
การเปิดตัวเสริมตลาดครั้งนี้ โตโยต้ามั่นใจกับไฮบริดอย่างมาก ว่าจะสามารถแข่งขันกับรถในตลาดเดียวกันได้ ไม่ว่าจะเป็นขุมพลังอะไรก็ตาม รวมถึงรถพลังงานไฟฟ้าหรืออีวี (EV) ด้วยจุดเด่นหลายๆ อย่าง ทั้งผลิตภัณฑ์ การตลาด องค์กร หรือเครือข่ายผู้แทนจำหน่าย
ซึ่งจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะอัตราสิ้นเปลือง ที่ระบุว่าประหยัดน้ำมันสูงสุดในกลุ่มรถ HEV ที่ 29.4 กม./ลิตร อ้างอิงข้อมูลจาก ECO Sticker และทดสอบตามมาตรฐาน UN R101 ในห้องปฏิบัติการ สำหรับรุ่น HEV Premium และ 27.8 กม./ลิตร ในรุ่น HEV GR Sport เป็นสิ่งที่โตโยต้าเชื่อมั่นว่าจะเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของตัวผลิตภัณฑ์รุ่นนี้ในการทำตลาด ด้วย “อัตราสิ้นเปลือง” ที่มีความโดดเด่น น่าจะเป็นคำตอบสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการทั้งความประหยัด และความสะดวกสบายในการใช้งาน
ทั้งนี้ โตโยต้ายังเชื่อมั่นว่าด้วยชื่อเสียงของตระกูลยาริส ที่ได้รับการยอมรับมานาน รวมถึงเครือข่ายการบริการที่ยังได้เปรียบแบรนด์ต่างๆ ด้วยจำนวนศูนย์บริการ 450 แห่ง ทั่วประเทศ ทำให้ลูกค้าเข้ารับบริการได้ทั่วถึงและรวดเร็ว และความสามารถในการจัดส่งอะไหล่ได้รวดเร็ว ซึ่งองค์ประกอบต่างๆ เหล่านี้ในปัจจุบันก็เริ่มปัญหาเกิดขึ้นสำหรับรถบางรุ่น บางแบรนด์
สำหรับ ยาริส เอทีฟ เอชอีวี ใช้พื้นฐานเดียวกับ ยาริส เอทีฟ ในรุ่นที่เปิดตัวก่อนหน้า ไล่เรียงไปตั้งแต่รูปลักษณ์ทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งในรุ่น HEV Premium ได้มีการตกแต่งเพิ่มเติมเสริมความโดดเด่นให้กับรุ่นไฮบริด ด้วยกระจังหน้าด้านบนโครเมียมรมดำ และด้านล่างสีเทาเมทัลลิก ล้ออัลลอยลายใหม่ ขนาด 16 นิ้ว ส่วนภายใน มาพร้อมเบาะหนังสังเคราะห์สีดำ-เทา หน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย ที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย
ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense (TSS) กับฟังก์ชันใหม่ LKC (Lane Keeping) ที่จะทำงานคู่กับ Adaptive Cruise Control แบบ Allspeed ส่วนรุ่น HEV GR Sport มีการปรับขนาดตัวถังให้มีความยาวขึ้นเล็กน้อย 1.5 ซม. พร้อมชุดแต่งรอบคัน ปรับจูนช่วงล่าง พวงมาลัย ใหม่ ให้สมรรถนะการขับขี่ที่เฉียบคมมากขึ้น
โตโยต้าเชื่อมั่นว่า การเปิดตัว ยาริส เอทีฟ เอชอีวี ในครั้งนี้ จะทำให้รถยนต์รุ่นนี้เข้ามาเติมเต็มความต้องการของลูกค้าในตลาดรถยนต์อีโคเซ็กเมนต์ได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ด้วยทางเลือกที่หลากหลาย ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่มองหานวัตกรรม คุณภาพ เน้นความคุ้มค่าในระยะยาวและเป็นเจ้าของง่าย พร้อมตั้งเป้าหมายการขายของรถยนต์รุ่นนี้ไว้ที่ 20,000 คัน ภายในระยะเวลา 1 ปี เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำตลาดอีโคคาร์และตลาดรถยนต์ไฮบริดอย่างต่อเนื่อง