‘บีวายดี’ เผยแผนผลิตปี 67 ยึดอีวี ‘ดอลฟิน’ โมเดลแรก
บีวายดี ประกาศความพร้อม เริ่มเดินสายการผลิตที่โรงงานในประเทศไทย เดือนมิถุนายน ปี 2567 ยึด บีวายดี ดอลฟิน เป็นโมเดลแรก เชื่อปีนี้ยอดขายยังสามารถทำได้ตามเป้าหมาย 50,000 คัน ล่าสุดเปิดตัวโครงการ “คาร์บอน เครดิต” (Carbon Credit) ให้ลูกค้าสะสมไมล์แลกสิทธิประโยชน์พิเศษต่างๆ
มร.เค่อ หยู่ปิน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีวายดี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตรถยนต์บีวายดี (BYD) ในประเทศไทย เปิดเผยว่า รถรุ่นแรกที่จะผลิตจากโรงงานประเทศไทยคือ บีวายดี ดอลฟิน (BYD Dolphin) โดยขณะนี้การก่อสร้างโรงงานในนิคมอุตสาหกรรม WHA ระยอง 36 ต.พนานิคม อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง มีความคืบหน้าอย่างมาก คาดว่าจะเสร็จพร้อมเดินสายการผลิตได้ในเดือนมิถุนายน 2567
“ตอนนี้ในส่วนของโครงสร้างโรงงานดำเนินการไปได้ค่อนข้างเร็ว และได้เริ่มมีการนำอุปกรณ์ต่างๆ เข้ามา เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการผลิต โดยโรงงานแห่งนี้จะมีกำลังการผลิตเบื้องต้นอยู่ที่ 150,000 คันต่อปี แต่ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับปริมาณและความต้องการของตลาด ส่วนในอนาคตบริษัทก็พร้อมที่จะลงทุนสำหรับโรงงานแห่งที่สองในไทย หากตลาดมีความต้องการที่มากขึ้นอย่างแน่นอน”
นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันบีวายดีมียอดขายรถยนต์ทั้ง 2 รุ่น รวมกันไปแล้วเกือบ 20,000 คัน โดยส่วนตัวมั่นใจว่ายอดขายในปีนี้จะพุ่งไปถึง 40,000 คันแน่นอน ขณะที่เป้า 50,000 คัน ที่ตั้งไว้นั้น ต้องรอดูถึงสิ้นปีว่าจะจบที่เท่าไร
“ตอนนี้ในส่วนของยอดจองนั้นถือว่าค่อนข้างดี เมื่อเทียบกับยอดของ ATTO 3 กลายเป็นว่ายอดขายสูงกว่า ขณะ ATTO 3 นั้น สองสีที่ขายดีอย่างสีขาวและสีเทา เรากำลังเร่งนำเข้ามาอีกล็อตใหญ่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าชาวไทย ส่วน Dolphin รุ่นขายดี คือรุ่นสแตนดาร์ด ที่ชาวไทยให้ความนิยม”
ด้านนางสาวประธานพร พรประภา รองประธานบริษัท กล่าวว่า บริษัทได้เปิดตัวโครงการคาร์บอนเครดิตเพื่อร่วมขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำในประเทศไทย และถือเป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่เรเว่ฯ ได้มอบผลประโยชน์ทางคาร์บอนคืนกลับให้กับลูกค้าผู้ใช้รถยนต์ BYD ที่สมัครเข้าร่วมโครงการ โดยจะมีการคืนเครดิตและมอบสิทธิประโยชน์ต่างๆ ให้กับลูกค้า
โดยถึง ณ วันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา บริษัทมียอดรถยนต์ที่เข้าร่วม 14,796 คัน ได้ลดการปล่อยคาร์บอนสะสมได้ถึง 40,438,930,642 กิโลกรัม หรือเทียบเท่ากับการชดเชยการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของต้นไม้เป็นจำนวน 673,982,177 ต้น
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีลูกค้าให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการคาร์บอนเครดิต โดยสมัครผ่านแอปพลิเคชันเรเว่ฯ เมื่อลูกค้านำรถเข้ามาใช้บริการที่โชว์รูม จะมีการเช็กสะสมไมล์เพื่อเคลมเป็นคาร์บอนเครดิตสำหรับการชาร์จไฟให้กับลูกค้า หรือเป็นการมอบสิทธิประโยชน์ต่างๆ ในอนาคต
โดยมีเป้าหมายว่า ในปี 2567 จะสามารถลดคาร์บอนเครดิตได้มากกว่า 16,000 ตันต่อปี หรือชดเชยการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของต้นไม้ได้ 100,000,000 ต้นต่อปี
“ตอนนี้เรามีลูกค้าสมัครเข้าร่วมโครงการดังกล่าวแล้ว 30% ส่วนที่เหลืออีก 70% ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการ เราเชื่อว่าหลังจากเปิดตัวโครงการแล้ว ลูกค้าบีวายดี 100% จะเข้าร่วมโครงการด้วยอย่างแน่นอนภายในปีหน้า และเราก็จะทยอยนำเสนอสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากการคืนคาร์บอนเครดิตนั่นเอง” นางสาวประธานพร กล่าว
ส่วนสถานการณ์ของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า นางสาวประธานพรเชื่อว่า ปีนี้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าโดยรวมจะมีการเติบโตไม่น้อยกว่า 400% จากปี 2565 ที่มียอดขายรวมอยู่ที่ 20,000 กว่าคัน แต่ปัจจุบันผ่านมาแล้ว 8 เดือน ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าโตขึ้น 200% หรือมียอดขายไปแล้วกว่า 43,000 คัน เนื่องจากผู้บริโภคชาวไทยให้การตอบรับ และให้ความสนใจรถยนต์ประเภทนี้ อีกทั้งมีผู้ประกอบการให้ความสนใจแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง