“MG MAXUS 7” ราคาใหม่ ถูกลงกว่าเดิม เริ่ม 1.599 ล้าน

เอ็มจี ประกาศราคาใหม่ MG MAXUS 7 เริ่มต้น 1,599,900 บาท ให้สิทธิ์ลูกค้าทุกราย ตั้งแต่ส่งมอบรถคันแรก พร้อมแคมเปญพิเศษ ทั้งขยายเวลารับประกัน-ของแถม
ก่อนหน้านี้ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน เอ็มจี ได้เผยโฉมรถ e-MPV พลังงานไฟฟ้า 100% แบบ 7 ที่นั่ง NEW MG MAXUS 7 มาพร้อมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังสูงสุดที่ 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตันเมตร แบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน จัดวางแบบ Cell-To-Pack ขนาดความจุ 90 kWh ให้ระยะทางสูงสุด 570 กิโลเมตร พร้อมเปิดราคาจำหน่าอยู่ที่ 1,769,000 บาท
ล่าสุด เอ็มจี ได้ปรับราคาจำหน่ายของ NEW MG MAXUS 7 ใหม่ ในราคาเริ่มต้น 1,599,900 บาท พร้อมมอบสิทธิ์ให้แก่ลูกค้าทุกราย ตั้งแต่ส่งมอบรถคันแรก พร้อมแคมเปญพิเศษ ทั้งขยายเวลารับประกัน-ของแถม
MG MAXUS 7 ดีไซน์ภายนอกที่โดดเด่นแฝงความเรียบหรู ทั้งกระจังหน้าใหม่แบบ Grille less Design ประตูสไลด์ด้านข้างด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมที่เปิดประตูแบบเก็บซ่อนในตัวรถ (Hidden Door Handle) ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า และหลังคาพาโนรามิกซันรูฟแบบ One Touch ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานได้อย่างลงตัว ดีไซน์คอนโซลหน้าแบบ Double Layer พร้อมที่วางแก้ว และรองรับการชาร์จแบบไร้สาย นั่งสบายทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลังไฟฟ้า เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง สามารถปรับระดับอุณหภูมิได้ตามความต้องการ สำหรับเบาะนั่งแถวที่สองเป็นแบบ Captain Seat ปรับแบบแมน่วล ที่ถูกออกแบบให้โอบรับกระชับทุกสรีระ มาพร้อมฟังก์ชันที่มอบความสะดวกสบายอย่างครบครันทั้งจอกลางแบบสัมผัสขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และสมาร์ตโฟนระบบ Android และช่องเชื่อมต่อ USB ให้เสียงรอบด้านด้วยลำโพงมากถึง 8 จุด เพิ่มความสะดวกสบายอีกระดับด้วยระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกโซนด้านหน้าและหลัง และระบบกรองอากาศ PM 2.5
นอกจากนี้ MG MAXUS 7 ยังคงความโดดเด่นด้านสมรรถนะการขับขี่ที่มีประสิทธิภาพ ด้วยขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ให้กำลังสูงสุดที่ 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตันเมตร แบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน จัดวางแบบ Cell-To-Pack ขนาดความจุ 90 kWh ให้ระยะทางสูงสุด 570 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC แบตเตอรี่มาตรฐานความปลอดภัย IP67 ช่วยในการป้องกันน้ำและฝุ่น พร้อมรองรับการชาร์จเร็วสูงสุดที่ 120 kWh โดยชาร์จไฟจาก 30%-80% ใช้เวลาเพียง 30 นาที และการชาร์จแบบธรรมดา รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 11 kWh โดยชาร์จไฟจาก 5%-100% ในเวลาประมาณ 8 ชั่วโมงครึ่ง
ทั้งนี้ ยังสามารถเปลี่ยนรถให้เป็นแหล่งพลังงานได้ด้วยระบบ V2L โดยสามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ถึงระดับ 6.6 kW โดยสามารถชาร์จรถอีวีคันอื่นได้ในเวลาเดียวกัน พร้อมอุ่นใจในทุกการเดินทางด้วยระบบความปลอดภัยที่ครบครัน มาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM พร้อมระบบ ADAS รวมมากถึง 25 ระบบ ได้รับมาตรฐาน 5 ดาว ทั้ง Euro NCAP และ ANCAP