“HR-V” เริ่ม 8.99 แสน ตัวกลาง-ท็อป ราคาเดิม

ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) เคาะราคาจำหน่าย เอชอาร์–วี ไมเนอร์เชนจ์ อย่างเป็นทางการ หลังเดินหน้าโกยยอดจองสิทธิอย่างต่อเนื่อง สร้างโอกาสชิงยอดขายด้วยราคาพิเศษ 899,000 บาท สำหรับตัวเริ่มต้น จำนวนจำกัด ยกระดับฟังก์ชันการใช้งานในรุ่นกลางและตัวท็อปภายใต้ราคาเดิม 1,079,000-1,179,000 บาท
หลังจากที่ค่ายฮอนด้า ได้เผยโฉมพร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่สนใจจับจองสิทธิเป็นเจ้าของ ฮอนด้า เอชอาร์-วี รุ่นปรับโฉม ปี 2024 นับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ก่อนที่จะประกาศราคาจำหน่าย ตามแนวทางการทำตลาดของ ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) เช่นเดียวกับรถหลากหลายรุ่นก่อนหน้า โดยคาดว่าจะเปิดราคาจำหน่ายภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ช่วงปลายเดือนนี้
ด้วยรูปโฉมที่โดดเด่นทันสมัยยิ่งขึ้น บวกกับฟังก์ชันการใช้งานที่ยกระดับขึ้นจากเวอร์ชันก่อนหน้า ส่งผลให้ ฮอนด้า เอชอาร์-วี รุ่นปรับโฉม มาพร้อมการตอบรับที่ยอดเยี่ยมจากแฟนฮอนด้า ที่จับจองสิทธิเป็นเจ้าของรถรุ่นดังกล่าวแล้วมากกว่า 3,000 คัน ตอกย้ำความเชื่อมั่นและความนิยมของแบรนด์ในช่วงเวลาที่มีทางเลือกแทบนับไม่ถ้วนในตลาดปัจจุบัน
จากทิศทางอันยอดเยี่ยมส่งผลให้ ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ได้เคาะราคาจำหน่าย ฮอนด้า เอชอาร์-วี รุ่นปรับโฉม อย่างเป็นทางการ มาพร้อมโปรโมชันพิเศษกระตุ้นการสินใจจับจองเป็นเข้าของ หลังเปลี่ยนยอดจองสิทธิเป็นยอดขาย สร้างกระแสและเติมความน่าสนใจให้กับผลิตภัณฑ์ก่อนเข้าสู่หนึ่งในอีเวนต์ใหญ่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ช่วงปลายปี
โดย ฮอนด้า เอชอาร์-วี รุ่นปรับโฉม มาพร้อมราคาจำหน่ายเริ่มต้น 899,000 บาท จำนวนจำกัดสำหรับรุ่น e:HEV E เมื่อจองตั้งแต่ 8 พฤศจิกายน-31 ธันวาคม 2567 และรับรถภายในสิ้นเดือนมกราคมปีหน้า ส่วนตัวกลางและรุ่นท็อปเติมเต็มฟังก์ชันการใช้งานภายใต้ราคาเดิม รุ่น e:HEV EL ราคา 1,079,000 บาท และ 1,179,000 บาท ในรุ่น e:HEV RS ที่ยกระดับความสปอร์ตพรีเมียมขึ้นไปอีกขั้น
สำหรับ ฮอนด้า เอชอาร์-วี รุ่นปรับโฉม โดดเด่นด้วยกระจังหน้าโครเมียมแบบสปอร์ตใหม่ รวมถึงไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ ล้ออัลลอยสีใหม่ และสีภายนอกใหม่ สีกากีแซนด์ (มุก) พร้อมหลังคาสีดำทูโทน อัปเกรดด้วยฟังก์ชันที่หลากหลาย อาทิ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย
ตอบสนองการใช้งานด้วยขุมพลังฟูลไฮบริด e:HEV ผสานการทำงานระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะ (Intelligent Power Unit – IPU) ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมสูงสุดถึง 25.6 กิโลเมตร/ลิตร
การันตีคุณภาพเติมเต็มความมั่นใจด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง รวมถึงแพ็กเกจเช็กระยะ ค่าแรง ค่าอะไหล่ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมด้วย Honda Ultimate Care ขยายเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่ และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง เป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร