‘GWM’ โชว์วิสัยทัศน์ ขับเคลื่อนสังคมอีวีไทย
เกรท วอลล์ มอเตอร์ ร่วมถ่ายทอดวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นสังคมยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมสนับสนุนและร่วมสร้างระบบนิเวศ EV ให้สมบูรณ์แบบ และยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทยสู่การเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าแห่งเอเชีย
ท่ามกลางโอกาสและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทยในปัจจุบัน นายณรงค์ ได้เผยถึงกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนนโยบายประเทศไทย 4.0 และผลักดันประเทศไทยไปสู่ศูนย์กลางการผลิตด้านยานยนต์ไฟฟ้าของอาเซียน โดยผ่านทางการจัดตั้ง “สมาร์ท แฟ็กตอรี” ในจังหวัดระยอง เพื่อผลิตรถยนต์แบรนด์ฮาวาล สำหรับจำหน่ายในประเทศไทยและส่งออกสู่ตลาดอาเซียน พร้อมเร่งเครื่องจัดตั้งโรงงานประกอบแบตเตอรี่ภายในปี 2566 และวางแผนเดินเครื่องผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยภายในปี 2567
นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ในฐานะตัวแทนองค์กรเอกชนชั้นนำที่เป็นกำลังขับเคลื่อนหลักของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ได้รับเชิญให้เข้าร่วมเสวนาในหัวข้อ ‘เปิดแผนธุรกิจรุกตลาด EV’ โดยนายณรงค์ ได้เผยถึงความนิยมของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในตลาดโลก ประเทศจีน รวมถึงในประเทศไทย ซึ่งหลังจากที่เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดตัวในประเทศไทยเพียง 1 ปี ได้ส่งมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสู่ท้องถนนไทยแล้วทั้งสิ้นกว่า 8,277 คัน ในจำนวนนั้นเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% อย่าง โอร่า กู๊ด แคท เกือบ 2,000 คัน และยังมีที่รอส่งมอบอีกมากกว่า 3,000 คัน สะท้อนถึงโอกาสของการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งมาพร้อมกับความเร่งด่วนในการเติมเต็มระบบนิเวศของอุตสาหกรรมให้สมบูรณ์มากขึ้นอีกด้วย
โดยในปี 2565 เกรท วอลล์ มอเตอร์ คาดว่ายอดขายของรถยนต์รวมทั้งปีจะอยู่ที่ประมาณ 820,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์ โดยในจำนวนนี้ สัดส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าจะอยู่ที่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ หรือ 82,000 คัน และในจำนวนนี้ จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% สูงถึง 12,300 คัน หรือคิดเป็น 15 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี ประเทศไทยมียอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้ารวมทั้งสิ้นกว่า 21,167 คัน โดยมีจำนวนรถยนต์ไฟฟ้า 100% จำนวน 1,270 คัน หรือประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์
“ภายใต้กลยุทธ์เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าของไทย เกรท วอลล์ มอเตอร์ ดำเนินธุรกิจด้วยการรับฟังเสียงของผู้บริโภค (Consumer Voice) ซึ่งผลตอบรับต่างๆ ที่เราได้รับมาตลอดหนึ่งปี ได้นำมาซึ่งภารกิจหลักของเราในปี 2565 ทั้ง 4 ด้าน ที่จะช่วยสร้างความคึกคักให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและเติมเต็มระบบนิเวศของไทยให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ได้แก่ ด้านผลิตภัณฑ์ กับภารกิจในการนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างน้อย 9 รุ่นมาโลดแล่นบนท้องถนนไทยภายใน 3 ปี หรือ Mission 9 in 3
ด้านช่องทางจำหน่าย พร้อมเป้าหมายในการขยาย GWM Store เพิ่มเป็น 80 สาขาทั่วประเทศ ด้านสถานีชาร์จประจุไฟฟ้า ซึ่งเรากำลังเดินหน้าขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าทั้ง 3 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น G-Charge Supercharging Station สถานีชาร์จที่ Partner Store และ Destination Charging Station ที่จับมือกับพันธมิตรโรงแรม ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าทั้งสิ้น 55 แห่งภายในปีนี้ รวมถึงการร่วมมือกับ 3 หน่วยงานการไฟฟ้าของไทยในการจัดตั้งสถานีชาร์จและพัฒนาแอปพลิเคชันให้ครอบคลุมและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
และด้านประสบการณ์ลูกค้า โดยผ่านทางการดำเนินงานในรูปแบบ Online-to-Offline การจัดกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับลูกค้าตลอดทั้งปี รวมไปถึงการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าผ่าน GWM Application เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าได้ดีมากยิ่งขึ้น