“BMW” อวดยอด Q1 ครองผู้นำพรีเมียมคาร์

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย อวดยอดขายไตรมาสแรกของปี ครองผู้นำตลาดรถหรู ด้วยยอดจดทะเบียนแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู 3,561 คัน และมินิ 407 คัน โดยเฉพาะเซ็กเมนต์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 74% สะท้อนกำลังซื้อของลูกค้าพรีเมียมคาร์ ในภาวะชะลอตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภาพรวม
ในไตรมาสแรกของปี บีเอ็มดับเบิลยู มียอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) เพิ่มขึ้น 108% จากการทำตลาด 6 รุ่นในประเทศไทย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู iX2, บีเอ็มดับเบิลยู iX3, บีเอ็มดับเบิลยู iX, บีเอ็มดับเบิลยู i4, บีเอ็มดับเบิลยู i5 และ บีเอ็มดับเบิลยู i7 มีจำนวนทั้งสิ้น 487 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 74% เมื่อรวมกับยอดของแบรนด์มินิ ด้วยจำนวนจดทะเบียน 548 คัน สอดรับกับการประกาศของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ในการสร้างหมุดหมายครั้งสำคัญด้วยยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าสะสมถึง 1 ล้านคันทั่วโลก เพิ่มขึ้น 40.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
มร.อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “ท่ามกลางความท้าทาย
ต่างๆ ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการผันผวนของตลาดและพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของผู้บริโภค เรายังคงยึดมั่นในการนำเสนอความเป็นเลิศด้านผลิตภัณฑ์พรีเมียมที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมหลากหลาย บริการ และประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม พร้อมมุ่งไปสู่การสร้างสรรค์อนาคตอันยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ของเรา”
“และที่สำคัญยังเป็นปัจจัยที่ช่วยนำไปสู่ความสำเร็จของเราในฐานะผู้นำตลาดยานยนต์พรีเมียมได้อย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลาสี่ปีที่ผ่านมาจนถึงไตรมาสแรกของปี 2567 นี้ การส่งมอบผลิตภัณฑ์ บริการและประสบการณ์ที่มีคุณภาพสูงให้กับลูกค้าของเรา ถือเป็นสิ่งที่มีคุณค่า และเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญเหนือกว่าการเปลี่ยนแปลงของราคารถยนต์ในตลาด”
นอกจากนี้ยอดจดทะเบียนในกลุ่มรถยนต์ระดับผู้บริหารทั้งประเภทซีดานและรถยนต์อเนกประสงค์ของบีเอ็มดับเบิลยู ก็มีอัตราเติบโตขึ้นถึง 8.6% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบีเอ็มดับเบิลยู iX และบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ซึ่งนับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของเราในไตรมาสแรกเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกัน กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าของเราก็ยังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญมียอดการเติบโตที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นถึง 108.1% จากรถยนต์ไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยูหลากหลายรุ่น แม้ว่ายอดจดทะเบียนโดยรวมของตลาดยานยนต์ในไทยจะยังต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในเซ็กเมนต์พรีเมียมที่มียอดจดทะเบียนโดยรวมลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทว่า บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สามารถรักษาผลงานที่แข็งแกร่งของแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยูไว้ได้ ด้วยยอดจดทะเบียน 3,561 คัน และมินิ 407 คัน ในไตรมาสแรกของปี จากความมุ่งมั่นในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ครอบคลุมทุกระบบขับเคลื่อนมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของบีเอ็มดับเบิลยูในประเทศไทย ผสมผสานการมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ควบคู่กับการพัฒนายานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดย บีเอ็มดับเบิลยู เชื่อว่าปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้เรายังคงเป็นผู้นำในตลาดและตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าได้อย่างเหมาะสม
ส่วนในระดับโลก บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้ส่งมอบยานยนต์ให้กับลูกค้าจำนวน 594,671 คัน ในไตรมาสแรกของปี 2567 เติบโตขึ้น 1.1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า สำหรับแบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู มียอดจำหน่ายรวมที่ 531,039 คัน เพิ่มขึ้นถึง 2.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีก่อนหน้า ขณะที่มินิ มียอดขายทั่วโลกที่ 62,107 คัน และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ก็สร้างความสำเร็จด้วยยอดขายเดือนมีนาคมที่ดีที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้มียอดส่งมอบมอเตอร์ไซค์และสกู๊ตเตอร์ในไตรมาสแรกรวมอยู่ที่ 46,434 คัน
นอกจากนี้กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยู รายงานผลการเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยจำนวนรถยนต์ที่ส่งมอบให้กับลูกค้าทั่วโลก 78,691 คัน เพิ่มขึ้น 40.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเฉพาะ บีเอ็มดับเบิลยู i4, บีเอ็มดับเบิลยู iX3 บีเอ็มดับเบิลยู iX1, บีเอ็มดับเบิลยู iX และบีเอ็มดับเบิลยู i7 ซึ่งเป็นรุ่นที่เป็นที่ต้องการมากที่สุด นอกจากการเติบโตของกลุ่มบีอีวีแล้ว บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ยังมียอดขายที่เพิ่มขึ้นถึง 21.6% เมื่อเทียบปีต่อปี สำหรับกลุ่มพรีเมียมไฮเอ็นด์ในช่วงไตรมาสแรก