ส่องกล้อง By Oil LeapMotor B10 เรียบหรู ออปชันเยอะ ราคาโดน!

รถไฟฟ้าทรงเอสยูวีขนาดกลาง ราคารถเล็กต้องบอกว่าแข่งขันกันสูงมากแบบจัดเต็มกันทุกค่าย โดยเฉพาะแบรนด์จีน ล่าสุด “ยวดยาน” จะพาไปส่องกล้องรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ LeapMotor ที่ทำตลาดโดยกลุ่มพระนครยนตรการ (PNA Group) โดยรุ่นที่จะนำมารีวิว มีชื่อว่า LeapMotor B10 เอสยูวีไฟฟ้า รุ่นที่ 2 ในตลาดเมืองไทย มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ชาร์จไฟวิ่งไกลสุด 516 กม. ราคาเริ่มต้น 688,000 บาท
สำหรับ LeapMotor B10 จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มาในรูปแบบเอสยูวีครอสโอเวอร์ไฟฟ้า (บี-เอสยูวี) ในด้านงานดีไซน์ จะมีลักษณะที่ดูคล้ายกับ LeapMotor C10 ที่เป็นรถในรูปแบบเอสยูวีไฟฟ้าเหมือนกัน เส้นสายตัวรถเน้นความเรียบหรู พร้อมดีไซน์ให้สอดรับกับระบบแอโร่ไดนามิค เพื่อให้ลดแรงต้านอากาศ

รูปลักษณ์ภายนอกของ LeapMotor B10 ภายนอกเน้นความเรียบหรู ชูความโดดเด่นด้วยไฟวิ่งแนวยาวเชื่อมกับไฟหน้า LED กลมกลืนกับกันชนรูปทรงสปอร์ตพร้อมช่องรับอากาศขนาดใหญ่ กระจกมองข้างทรงสปูน พร้อมมือเปิดประตูแบบเรียบเนียนกับตัวถัง ล้อขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 225/50 R18 ด้านหลังมีชุดไฟท้าย LED แนวยาวและประทับตัวหนังสือว่า LEAPMOTOR สร้างจากสถาปัตยกรรมโมดูลาร์ LEAP 3.5
ขยับมาที่การออกแบบภายในห้องโดยสาร งานดีไซน์เน้นความเรียบหรู จัดงานฟังก์ชันที่ใช้งานง่ายตามสไตล์รถจีน เริ่มจากมาตรวัดความเร็วสี LCD ขนาด 8.8 นิ้ว ที่ตั้งอยู่หลังพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน พร้อมจออินโฟเทนเมนต์ขนาดใหญ่ 14.6 นิ้ว ชัดแบบ 2.5K มาพร้อมระบบปฏิบัติการ LEAPMOTOR OS 4.0 Plus ประมวลผลรวดเร็วด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8295 เป็นออปชันเสริม แต่มาตรฐานจะได้ชิป Qualcomm Snapdragon 8155 พร้อมลำโพง 12 จุด ในรุ่น Design และ 6 จุดในรุ่น Life และ Style ช่องแอร์จะเป็นทรงรีมีกรอบช่องแอร์จากวัสดุสีทองเพื่อเพิ่มความหรูหรา ขณะที่คอนโซลกลางจะติดตั้งแท่นชาร์จไร้สาย 2 ช่องกำลัง 15W ช่องเสียบ USB Type C

หลังคาซันรูฟขนาดใหญ่ 1.83 ตารางเมตร แบบ 5 ที่นั่ง พร้อมเบาะนั่งด้านหน้ามาทั้งแบบปรับมือ 6 ทิศทางฝั่งคนขับและผู้โดยสาร 4 ทิศทางในรุ่น Life กับ Style ในรุ่นท็อป Design ได้เบาะนั่งปรับไฟฟ้คู่หน้าฝั่งคนขับปรับ 6 ทิศทาง คนนั่ง 4 ทิศทางพร้อมระบบอุ่นเบาะและเบาะเย็น พร้อมกระจกมองข้างพับอัตโนมัติ พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และไฟ Ambient Light 64 สี เบาะหลังพับได้แบบ 60/40 มีพื้นที่หลังพับเบาะ 1,415 ลิตร และไม่พับเบาะจะมีพื้นที่ 420-515 ลิตร พร้อมสีภายในห้องโดยสาร 3 สี ได้แก่ Dark Feather Black (Fabric) รุ่น Life และรุ่น Style
Dark Feather Black ECO Leather รุ่น Design และ Bamboo Shadow Grey ECO Leather รุ่น Design
ขุมพลังไฟฟ้าล้วนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังรุ่น TZ180XY005 จาก Jinghua Lingsheng Power ที่มีกำลังสูงสุด 218 แรงม้า แรงบิด 240 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุด 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 8 วินาที พร้อมโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ โดยมีด้วยกันถึง 2 ทางเลือก

ความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน LFP ขนาด 56.2 kWh วิ่งไกลสุด 442 กิโลเมตร (NEDC) ในรุ่น Life กับรุ่น Style และรุ่นท็อป Design ความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน LFP ขนาด 67.1 kWh วิ่งไกลสุด 516 กิโลเมตร (NEDC) รองรับการชาร์จเร็ว DC สูงสุด 168 kW จาก 30–80% ในเวลาเพียง 20 นาที และชาร์จ AC มาพร้อมระบบความปลอดภัย ADAS 17 รายการ กล้องมองภาพรอบคัน AVM360 panoramic image สัมผัสสมรรถนะการขับขี่ที่ปรับจูนโดยทีมวิศวกรของ STELLANTIS ด้วยการกระจายน้ำหนักสมดุล 50:50 ระบบกันสะเทือนหน้าแมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบมัลติลิงก์ ที่ได้รับการร่วมพัฒนากับทีม STELLANTIS Chassis Master
LEAPMOTOR B10 โดดเด่นด้วยดีไซน์กะทัดรัดทันสมัย สีสันสะดุดตา พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้อย่างลงตัว เปิดตัวในไทยถึง 3 รุ่น Life, Style และ Design สนนราคา 698,000-798,000 บาท ท้ายที่สุดคงต้องยอมรับว่า การตัดสินใจในปัจจุบันนี้ เรื่องราคานั้นเป็นส่วนตัดสินใจหลักก็ว่าได้ คู่แข่งในตลาดต้องยอมรับว่ามีเพียบ แถมยังมีในเรื่องของการบริการหลังการขายอีกที่เป็นตัวสะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ยังไงถ้าหากสนใจในรถยนต์ไฟฟ้า ลองไปสัมผัสด้วยตาของคุณเองก่อนจะดีกว่า ก่อนจะตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า





