‘ฟอร์ด’ ลุ้นเพิ่มเซ็กเมนต์ สอดรับกระแสตลาด xEV

ฟอร์ดมีลุ้นเปิดตลาดเซ็กเมนต์ใหม่ หลังพบลูกค้ามีความหลากหลายขึ้น โดยเฉพาะตลาดรถยนต์ xEV ชี้ตลาดรถปิกอัพโดนเบียดส่วนแบ่งตลาดร่วงเหลือแค่ 24% ส่วนปีนี้มั่นใจยอดขายใกล้เคียงปีก่อน ทำได้ราว 2.1 หมื่นคัน ครึ่งปีหลังเร่งสปีดงานหลังการขาย
นายรัฐการ จูตะเสน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย เปิดเผยภาพรวมตลาดรถยนต์ 6 เดือนแรก มียอดขายประมาณ 300,000 คัน ลดลง 1% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นรถปิกอัพ 140,000 คัน ลดลง 18% และฟอร์ด มียอดขายที่ 9,401 คัน รถปิกอัพเรนเจอร์ มีส่วนแบ่งที่ 7.7% และฟอร์ด เอเวอเรสต์ มีส่วนแบ่ง 18%
ปัจจจุบันตลาดรถยนต์ที่ดูเติบโตขึ้นอย่างมาก คือตลาดในกลุ่มรถยนต์ xEV (รถยนต์ไฟฟ้า, รถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด) ที่มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 41% ขณะที่ตลาดรถยนต์ในกลุ่มเครื่องยนต์สันดาป มีสัดส่วนอยู่ที่ 58% จากตลาดรวม
ทั้งนี้พบว่าตลาดที่ชะลอตัวตามสภาพเศรษฐกิจ และรถปิกอัพได้รับผลกระทบมากสุด และต้องยอมรับว่ากำลังซื้อหลักของลูกค้าในกลุ่มนี้มีความอ่อนไหวจากภาวะเศรษฐกิจอย่างมาก ทำให้ตลาดรถปิกอัพตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจนถึงปีนี้ยังคงอยู่ในสภาวะที่ถดถอยลง
อย่างไรก็ตาม ฟอร์ดยังคงเชื่อมั่นว่าตลาดรถยนต์น่าจะฟื้นตัวและกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้ โดยต้องใช้ระยะเวลาอีก 2 ปี อุตสาหกรรมยานยนต์น่าจะกลับมาเติบโตที่ระดับ 10% ได้ โดยในปี 2569 จะมียอดขายกลับไปไต่ที่ระดับ 630,000 คัน และมียอดขายกลับไปอยู่ที่ระดับ 700,000 คัน ในปี 2570
ส่วนยอดขายในปีนี้นั้น ฟอร์ดมั่นใจว่าตลาดรถยนต์รวมจะสามารถทำยอดขายไปอยู่ที่ระดับ 570,000 คัน หากช่วงเวลาที่เหลือสามารถเก็บเกี่ยวได้เฉลี่ยเดือนละ 45,000-50,000 คัน ส่วนฟอร์ดจะมียอดขายใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 20,800-21,000 คัน
“ช่วงเวลาที่เหลือ หากเราสามารถขายเรนเจอร์และแร็พเตอร์ได้เดือนละ 800-900 คัน ส่วนเอเวอเรสต์ขายได้เดือนละ 750 คัน เป้าหมายที่เราวางไว้ก็ไม่ได้เกินความสามารถแต่อย่างใด”
ปัจจุบันฟอร์ดมีสินค้าในตลาดแค่ 2 เซ็กเมนต์ คือ ปิกอัพ และรถพีพีวี แต่การแข่งขันในตลาดมีความท้าทาย ทั้งมีความหลากหลายของเซ็กเมนต์มากขึ้น ฟอร์ดยังมั่นใจว่ามีสินค้า และบริการที่แข็งแรง และไม่มีความจำเป็นต้องปรับลดราคาจำหน่ายแต่อย่างใด
ทั้งนี้ในส่วนของแผนงานในอนาคต บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ และมองหาผลิตภัณฑ์เพื่อมาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าชาวไทย โดยเฉพาะรถอีวีที่จะเห็นว่ามีการเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่สัดส่วนการขายเปลี่ยน รถปิกอัพ เดิมมีสัดส่วนการขายสูงถึง 45% ของตลาดรถยนต์ แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 24% ส่วนรถบีและซี-เอสยูวี มีส่วนแบ่ง 20% รถพีพีวี 7% รถบีคาร์ 20% รถยนต์นั่ง 7%
อีกทั้งการเติบโตของตลาดรถยนต์บีและซี เอสยูวี ที่เป็นกลุ่มระดับราคา 700,000-1,200,000 บาท มีการแข่งขันค่อนข้างสูง ฟอร์ดอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะมีการแนะนำรถเซ็กเมนต์ใหม่ ที่มีความหลากหลายออกสู่ตลาดประเทศไทยหรือไม่ อย่างรถ xEV ฟอร์ดมีเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน