“ซูซูกิ” เลิกผลิตในไทย อิมพอร์ตทำตลาดปีหน้า

ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เตรียมยกเลิกการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยในปีหน้า สอดรับแนวทางการปรับโครงสร้างการผลิตของบริษัทแม่ อย่างไรก็ดี ยังคงเดินหน้าสานต่อความนิยมด้วยการนำเข้าจากฐานการผลิตในอาเซียน รวมถึง ญี่ปุ่น และอินเดีย พร้อมร่วมขับเคลื่อนความเป็นกลางทางคาร์บอนด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและไฮบริดในอนาคต
หลังจากที่ค่ายซูซูกิเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการส่งเสริมการลงทุนรถยนต์อีโค ตามนโยบายของรัฐบาลในปี 2550 พร้อมก่อตั้ง ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ในปี 2554 ก่อนจะได้รับการอนุมัติและเดินเครื่องไลน์ผลิตนับตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา สอดรับความนิยมแบรนด์ซูซูกิในประเทศไทยที่ขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง นำทัพโดย ซูซูกิ สวิฟท์ ที่เป็นกำลังหลัก และเป็นรถแบรนด์ซูซูกิ รุ่นแรกที่ผลิตในประเทศไทย
นอกจากนี้ โรงงานผลิตรถยนต์ซูซูกิที่อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ยังเป็นฐานการผลิต ซูซูกิ เซเลริโอ และ ซูซูกิ เซียส เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ หลังเปิดตลาดด้วย ซูซูกิ สวิฟท์ และเป็นหนึ่งฐานการผลิตรถทั้ง 3 รุ่น เพื่อส่งออกด้วยเช่นกัน ภายใต้กำลังการผลิตทั้งสิ้น 60,000 คัน/ปี
ด้วยทิศทางของตลาด รวมถึงแนวทางการส่งเสริมความเป็นกลางทางคาร์บอน รวมถึงเปลี่ยนผ่านสู่ยุคใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ ส่งผลให้ ซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประกาศยุติการผลิตรถยนต์ในประเทศไทย ภายในสิ้นปี 2568 หลังเปิดไลน์การผลิตรถยนต์ในประเทศไทยมาเป็นเวลา 13 ปี ภายใต้แผนการรองรับและดูแลพนักงาน สะท้อนถึงสภาพเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อการลงทุนในทุกภาคส่วน
อย่างไรก็ดี ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ยังคงร่วมเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย ทว่าเปลี่ยนจากการผลิตเป็นนำเข้าจากโรงงานในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงโรงงานในประเทศญี่ปุ่น และอินเดีย ขึ้นอยู่กับรุ่นรถที่จะนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย พร้อมตอบสนองการใช้งานของผู้บริโภคด้วยการนำเข้ารถยนต์พลังงานไฟฟ้า รวมถึงรถไฮบริดเข้ามาทำตลาดในอนาคต ทั้งยังพร้อมเดินหน้ายกระดับงานบริการ สร้างความเชื่อมั่นและเติมเต็มการใช้งานให้กับลูกค้า ตอกย้ำบทบาทผู้นำรถยนต์ที่โดดเด่นด้วยความคุ้มค่าคุ้มราคา
สำหรับโรงงานผลิตรถยนต์ซูซูกิในประเทศไทย มียอดการผลิตปีงบประมาณ 2566 จำนวนทั้งสิ้น 7,579 คัน จำหน่ายในประเทศ 6,307 คัน และส่งออกจำนวนทั้งสิ้น 1,272 คัน โดย ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) สามารถเก็บเกี่ยวยอดขายในปีงบประมาณ 2566 ได้จำนวนทั้งสิ้น 10,807 คัน ขณะที่ยอดขาย 4 เดือนแรกในปีนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 2,587 คัน ลดลงถึง 42% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า