มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จัดประชุมผู้จำหน่าย ส่งมอบกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจประจำปีงบประมาณ 2567 ชูนโยบายการเอาใจใส่ดูแลลูกค้า เน้นย้ำสร้างความผูกพัน เสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ เดินหน้ายกระดับงานบริการหลังการขายให้เป็นมาตรฐานเดียวทั่วประเทศ พร้อมนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ตอบสนองการใช้งานของลูกค้าในยุคปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง 

                  ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงไตรมาสแรกของปี ยังคงได้รับผลกระทบจากทิศทางของเศรษฐกิจ ส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในประเทศไทย ส่งผลให้มียอดขายสะสม 163,756 คัน ลดลง 24.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งแต่ละค่ายยังคงต้องเจอกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก ก่อนที่งานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ จะมาสร้างความคึกคักให้กับตลาดในช่วงรอยต่อของไตรมาสแรกและไตรมาสที่ 2

ด้วยยอดขายสะสมมากกว่า 3,438 คัน ซึ่งลดลงถึง 47% เมื่อเทียบกับช่วง 4 เดือนแรกของปีก่อนหน้า ส่งผลให้ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ต้องขยับตัวเพื่อสร้างโอกาสในการเก็บเกี่ยวยอดขายสานต่อแรงกระเพื่อมจากงานมอเตอร์โชว์ แจกกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจให้กับผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ จัดประชุมประจำปีงบประมาณ 2567 ในวันที่ 21 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น รวมถึงคณะผู้บริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และพันธมิตรทางธุรกิจ

“ในปีงบประมาณ 2567 เรายังคงเดินหน้าตามแผนการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืนในระยะยาว สิ่งสำคัญที่จะทำให้มาสด้าเกิดความแข็งแกร่ง ไม่ใช่การขายรถใหม่เพียงอย่างเดียว ทุกภาคส่วนต้องสร้างความรัก ความผูกพัน ให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงประสบการณ์ที่ดี จนเกิดเป็นความประทับใจ กลายมาเป็น มาสด้า แฟมิลี่ นั่นคือแก่นแท้ของการดำเนินธุรกิจในรูปแบบของ Retention Business คือการดูแลเอาใจใส่ลูกค้าให้ดีที่สุด รวมถึงการแนะนำจุดเด่นของรถมาสด้าให้กับคนอื่นๆต่อไป” มร.ทาดาชิ มิอุระ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว

สำหรับการประชุมผู้จำหน่ายประจำปี ทีมผู้บริหารมาสด้าได้ส่งต่อนโยบายและแผนธุรกิจทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ย้ำชัดถึงทิศทางที่ชัดเจนให้กับผู้แทนจำหน่าย สร้างความเชื่อมั่นและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ภายใต้แนวคิด Reinvent for a Sustainable Future ปรับเปลี่ยนวิธีคิดการทำงานให้ทันกับสถานการณ์โลกธุรกิจในปัจจุบันที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

รวมถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ทั้งในแง่ของการดำเนินธุรกิจ รวมถึงผู้คนที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างสรรค์สังคมให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น และร่วมสร้างอนาคตที่จะก้าวเดินไปพร้อมกันระหว่าง มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และผู้จำหน่าย สร้างพันธกิจร่วมกัน โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการส่งมอบความสุขให้กับลูกค้ามาสด้าตลอดไป

ในปีที่ผ่านมา มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 16,544 คัน แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่งจำนวน 8,718 คัน จำแนกเป็น มาสด้า2 จำนวน 7,834 คัน และ มาสด้า3 จำนวน 884 คัน ส่วน 6,981 คัน เป็นตัวเลขของรถอเนกประสงค์ ไล่เลียงจาก มาสด้า CX-30 จำนวน 3,254 คัน, มาสด้า CX-3 จำนวน 2,389 คัน, มาสด้า CX-8 จำนวน 999 คัน และมาสด้า CX-5 จำนวน 340 คัน

ขณะที่รถกระบะประจำค่าย อย่าง มาสด้า บีที-50 มียอดจำหน่ายทั้งสิ้นจำนวน 834 คัน ปิดท้ายด้วยรถไอคอน สปอร์ตโรดสเตอร์ มาสด้า MX-5 ได้รับการตอบรับจากแฟนมาสด้าในประเทศไทย จำนวนทั้งสิ้น 10 คัน

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารอาวุโส บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ก้าวต่อไปของมาสด้าคือการสร้างธุรกิจให้เติบโตแบบยั่งยืน โดยเฉพาะนโยบายด้านการขายและการบริการ รวมถึงการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับแฟนมาสด้า เนื่องจากเป็นกลยุทธ์สำคัญที่มาสด้าได้ดำเนินการมาตลอด 2-3 ปีนี้ และกำลังเห็นผลเป็นรูปธรรม เพื่อรักษาลูกค้าให้อยู่กับมาสด้าตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถมาสด้า”

ส่วนในเรื่องของผลิตภัณฑ์ มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) มีแผนที่จะเสริมทัพด้วยทางเลือกใหม่ ภายใต้ขุมพลังเครื่องยนต์ไฮบริด รวมถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ซึ่งคาดว่าจะนำเข้ามาทำตลาดในปี 2025 ตอบสนองการใช้งานของผู้บริโภค ตามยุคสมัยของโลกแห่งยานยนต์