ตลาดรถยนต์ 7 เดือน ฉลุย! ‘โตโยต้า’ แชมป์ 162,309 คัน

ตลาดรถยนต์ไทยฝ่าวิกฤติ 7 เดือน โกยเฉียด 5 แสนคัน โต 15.4% โตโยต้านำโด่ง 162,309 คัน ครองส่วนแบ่ง 33.0% ขณะที่ยอดขายรวมของเดือนกรกฎาคม ปิดยอดที่ 64,033 คัน เพิ่มขึ้น 22.1% รถยนต์นั่งคึกคัก ขาย 19,194 คัน เช่นเดียวกับรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขายแตะ 4.4 หมื่นคัน คาดยอดจำหน่ายเดือนสิงหาคมยังคงขยับต่อเนื่อง จากยอดขายภายในงาน บิ๊ก มอเตอร์เซล ผนวกกับแคมเปญการตลาดของบรรดาค่ายรถยนต์ที่ออกมากระตุ้นตลาดในช่วง โลว์ซีซัน
นายสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-กรกฎาคม 2565) ว่า ตลาดรถยนต์รวมมีปริมาณการขาย 491,329 คัน เพิ่มขึ้น 15.4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีที่แล้ว
ขณะที่ยอดขายในช่วงเดือนกรกฎาคม ตลาดรถยนต์ยังคงความคึกคัก จากยอดรวม 64,033 คัน โตขึ้น 22.1% แบ่งออกเป็น รถยนต์นั่ง 19,194 คัน เพิ่มขึ้น 15% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 44,839 คัน เพิ่มขึ้น 25.4% และรถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซ็กเมนต์นี้มีจำนวน 34,054 คัน เพิ่มขึ้น 22.4%
“แม้จะอยู่ในช่วงกลางฤดูฝนซึ่งปกติเป็นช่วงโลว์ซีซันของทุกปี แต่ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ หลังหยุดชะงักจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สังเกตได้จากสภาพการจราจรบนท้องถนนที่กลับมาติดขัดในชั่วโมงเร่งด่วน (Rush hour) ซึ่งประชาชนต่างเร่งเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปทำงาน และกลับมาติดขัดอีกครั้งในช่วงเย็นหลังเลิกงาน ถึงแม้สถานการณ์ราคาน้ำมันยังไม่ปรับลดลงจนประชาชนพอใจ ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการใช้รถยนต์ส่วนตัว เนื่องจากมีความจำเป็นในการเดินทางที่สะดวก ปลอดภัยกว่าการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ทำให้ยอดขายรถยนต์ใหม่ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง” นายสุรศักดิ์ กล่าว
ส่วนการคาดการณ์สถานการณ์ตลาดรถยนต์ในเดือนสิงหาคม จะมีแนวโน้มที่ขยับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่ป้อนเข้าสู่ตลาดรถยนต์ในช่วงไตรมาสที่เหลือของปี ประกอบกับแคมเปญส่งเสริมการตลาดที่บรรดาค่ายรถยนต์ต่างงัดออกมานำเสนอเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงงาน บิ๊ก มอเตอร์เซล ที่จะเป็นตัวช่วยสำคัญช่วยส่งยอดขายให้ค่ายรถยนต์ต่างๆ กอบโกยยอดได้ตามเป้าหมาย รวมถึงการมอบข้อเสนอพิเศษที่ส่งต่อไปยังโชว์รูมผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ นับเป็นโอกาสดีที่ทำให้ประชาชนสามารถมีรถยนต์ใช้ได้ง่ายขึ้น และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เจริญเติบโตผ่านเครือข่ายธุรกิจรถยนต์ได้อีกทางหนึ่ง”