นอกจากการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส 2019 ที่สร้างผลกระทบเป็นวงกว้างทั้งในด้านการใช้ชีวิต ลามไปถึงภาพรวมทางเศรษฐกิจที่โดนแช่แข็ง นับตั้งแต่ที่เชื้อร้ายเข้ามาเป็นประเด็นหลักในสังคม ก่อนที่สถานการณ์จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งเป็นผลจากการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ส่งผลให้สามารถขยับเขยื้อนตัวได้มากยิ่งขึ้น รวมถึงในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่โดนเล่นงานอย่างหนักด้วยเช่นกัน

หลังการปลดล็อกได้สร้างโอกาสให้กับค่ายผู้ผลิตได้เดินหน้าเก็บเกี่ยวยอดขายสร้างการเติบโต เยียวยาช่วงเวลาที่ขาดหายไปได้ดีขึ้นเป็นลำดับ ส่งผลให้หลายค่ายสามารถเดินหน้าทำตลาดและดำเนินธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น เห็นได้จากจำนวนรถรุ่นใหม่ๆ ที่ถูกส่งลงทำตลาดในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งล่าสุด ที่เป็นเหมือนการเปิดประตูสู่ยุคของยานยนต์พลังงานไฟฟ้า

ด้วยการเข้าถึงของผู้บริโภคที่ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น สร้างการเรียนรู้และความเข้าใจรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้มากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน จากที่เคยมองว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัว กลับกลายเป็นสิ่งที่เอื้อมถึงและจับต้องได้ ซึ่งเป็นผลดีทั้งสำหรับผู้บริโภคและค่ายผู้ผลิต ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโตของยานยนต์พลังงานทางเลือก ส่งผลให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ผู้ผลิตก็สามารถนำเสนอรถรุ่นใหม่ๆ สู่ตลาดได้ด้วยเช่นกัน

เพิ่มแรงกระเพื่อมด้วยมาตรการด้านภาษีและเงินอุดหนุนจากภาครัฐ ที่ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาเป็นที่เรียบร้อย ส่งผลโดยตรงด้านราคาที่เป็นแรงกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภค สร้างยอดจองให้กับค่ายผู้ผลิตที่เข้าร่วมโครงการอย่าง เอ็มจี และเกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้เป็นกอบเป็นกำ หลังการประกาศราคาขายที่ถูกลงเป็นหลักแสน ภายใต้เงื่อนไขที่รัฐบาลกำหนด ค่ายผู้ผลิตต้องผลิตภายในประเทศให้ได้ 1 เท่าจากที่นำเข้ามาภายในปี 2567 หรือถ้าขยับออกไปเริ่มผลิตในปี 2568 ก็จะต้องผลิตให้ได้ 1.5 เท่า จากที่นำเข้ามา

ด้านอัตราอากรและการยกเว้นอากรศุลกากร สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบตเตอรี่สำเร็จรูป (BEV) ที่นำเข้าทั้งคัน (CBU) แบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกเป็นรถที่มีราคาจำหน่ายไม่เกิน 2 ล้านบาท สำหรับรถนำเข้าที่ได้สิทธิการค้าเสรี ที่เดิมชำระไม่เกิน 40% ให้ลดเหลือ 0% ส่วนที่ชำระมากกว่า 40% ให้ลดลง 40% ขณะที่รถนำเข้าที่ไม่ได้สิทธิการค้าเสรี ให้ชำระ 40%

ขยับไปที่อีกหนึ่งกลุ่มสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบตเตอรี่สำเร็จรูป (BEV) นำเข้าทั้งคัน (CBU) ที่มีราคาจำหน่าย 2-7 ล้านบาท สำหรับรถนำเข้าที่ได้สิทธิการค้าเสรี ที่เดิมชำระไม่เกิน 20% ให้ลดเหลือ 0% ส่วนที่ชำระมากกว่า 20% ให้ลดลง 20% ขณะที่รถนำเข้าที่ไม่ได้สิทธิการค้าเสรี ให้ชำระ 60% ด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่นำเข้าจากประเทศจีนไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าอยู่แล้ว

ในขณะที่ความต้องการของผู้บริโภคมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทว่าค่ายผู้ผลิตกลับต้องปวดหัวและพลาดโอกาสเก็บเกี่ยวยอดขาย เนื่องด้วยวิกฤติขาดแคลนชิปเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึงชิ้นส่วนและแบตเตอรี่ที่สร้างผลกระทบเป็นวงกว้างไปทั่วโลก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิกฤติที่อุตสาหกรรมยานยนต์ต้องเจอ ต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงเป็นประเด็นในสังคม

จากวิกฤติดังกล่าวส่งผลให้ค่ายเอ็มจี และเกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่เป็น 2 ค่ายแรกที่เซ็นเอ็มโอยูเข้าร่วมโครงการเพื่ออัตราภาษีใหม่และเงินอุดหนุนจากภาครัฐ ต้องประกาศหยุดรับจองรถยนพลังงานไฟฟ้า 100% เป็นการชั่วคราว เนื่องจากไม่สามารถผลิตและส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้สอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดย เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) ได้ออกแถลงการณ์ว่า ขอขอบคุณลูกค้าที่มั่นใจ และได้ทำการจองรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ด้วยกระแสตอบรับที่มีมาอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสแรกจากนโยบายภาครัฐที่ให้การสนับสนุนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในช่วงที่ผ่านมา มีผลกระทบต่อการผลิต และการจัดส่งชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ไม่สามารถรองรับกับปริมาณความต้องการที่เพิ่มขึ้น

ดังนั้นทางบริษัทฯได้พิจารณาถึงกำลังการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีอย่างจำกัด จึงมีความจำเป็นต้องขอหยุดรับการจองรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสำหรับรุ่น NEW MG EP Plus โดยจะขอหยุดรับจองตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2565 เวลา 23.59 น. เป็นต้นไป หากมีการเปลี่ยนแปลงบริษัทฯจะแจ้งให้ทราบในโอกาสถัดไป

ด้าน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่ทำตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยภายใต้แบรนด์โอร่า ได้ขยับตัวประกาศหยุดรับจอง โอร่า กู๊ด แคท มาก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องด้วยผลกระทบที่ได้กล่าวไปในข้างต้น บวกกับยอดแบ็กออเดอร์ที่มีจำนวนค่อนข้างสูง จึงตัดสินใจประกาศหยุดรับจอง โอร่า กู๊ด แคท ทั้ง 3 รุ่น ได้แก่ ORA Good Cat 400 TECH, ORA Good Cat 400 PRO และ ORA Good Cat 500 ULTRA

ทั้งยังส่งผลกระทบต่อแผนการทำตลาดของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในประเทศไทย ไล่เลียงจากการชะลอแผนการเปิดตัว ORA Black Cat รถไฟฟ้าไซซ์รองในประเทศไทย รวมถึง ORA Good Cat GT ที่เป็นการพัฒนาต่อยอดจาก ORA Good Cat และนำมาโชว์ตัวภายในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ ที่ผ่านมา และได้รับความสนใจจากผู้บริโภคจำนวนไม่น้อย

นับเป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่กำลังก้าวเดินไปในทิศทางที่ยอดเยี่ยม ทว่ากลับต้องเจอวิกฤติที่ฉุดรั้งและชะลอการเติบโตของยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ที่มีจำนวนผู้เล่นเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ทั้งจากค่ายยุโรป และค่ายญี่ปุ่น ที่ขยับตัวมากยิ่งขึ้น และพร้อมที่จะสร้างความร้อนแรงให้กับตลาดรถไฟฟ้าในประเทศไทย ที่เติบโตขึ้นเป็นลำดับ

ซึ่งวิกฤติดังกล่าวจะคลี่คลายเมื่อไหร่นั้น เป็นเรื่องที่ตอบได้ยาก เนื่องด้วยปัจจัยหลากหลายด้านทั้งในเรื่องของภาพรวมทางเศรษฐกิจโลก รวมถึงความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่สร้างผลกระทบเป็นวงกว้าง และอาจจะส่งผลกระทบต่อแผนการดำเนินธุรกิจของแต่ละค่าย ด้วยเงื่อนไขของภาครัฐบาลในเรื่องการประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ที่ต้องเริ่มเดินเครื่องในปี 2567 หรือ 2568 เป็นอย่างช้า

ทั้งยังเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญสำหรับค่ายผู้ผลิตที่กำลังพิจารณาเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ที่อาจจะต้องชะลอแผนจากที่เคยวางไว้ นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายในจังหวะที่รถยนต์พลังงานไฟฟ้ากำลังเป็นกระแสและอยู่ในความสนใจของผู้บริโภค อาจจะหวือหวาน้อยลงแต่ก็เชื่อได้ว่าจะยังคงเป็นหนึ่งในทางเลือกสำหรับผู้บริโภคในยุคปัจจุบันอย่างแน่นอน