โตโยต้า สร้างกระแสรถกระบะ ครั้งแรกของโลก เปิดตัว “ไฮลักซ์ ทราโว่” มิติใหม่ หลอมรวมดีเอ็นเอสู่เจเนอเรชันที่ 9 ด้วยแนวคิด “GREATER TOGETHER…สู่ความยิ่งใหญ่ไปด้วยกัน ยกระดับดีไซน์ ตอบโจทย์การใช้งานทั้งรูปแบบน้ำมันและไฟฟ้า (บีอีวี) มาด้วยกัน 4 รุ่นหลัก 17 รุ่นย่อย ราคาเริ่ม 789,000 – 1,366,000 บาท ส่วน ไฮลักซ์ ทราโว่-อี ดับเบิลแค็บ 4TREX ตั้งราคา 1,491,000 บาท พร้อมส่งมอบตั้งแต่พฤศจิกายน-ธันวาคม เป็นต้นไป

            จากความสำเร็จของรถกระบะไฮลักซ์ เมื่อปี 2004 ภายใต้โครงการ IMV ส่งผลให้รถกระบะไฮลักซ์ มียอดขายสะสมกว่า 7.5 ล้านคัน นับเป็นหนึ่งในพลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย และยังเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกสู่ 133 ประเทศทั่วโลก โดยกระบะของโตโยต้า สามารถใช้ชิ้นส่วนการผลิตจากไทยมากถึง 95% ในการผลิตรถยนต์ปิกอัพ ไฮลักซ์

นายโนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ครั้งนี้ โตโยต้า พร้อมนำเสนอรถกระบะไฮลักซ์รุ่นใหม่ เจเนอเรชันที่ 9 เป็นครั้งแรกของโลก ภายใต้ชื่อ โตโยต้า ไฮลักซ์ ทราโว่ ด้วยการนำทีมของวิศวกรชาวไทย ซึ่ง ไฮลักซ์ ทราโว่ ได้รับการพัฒนาผ่านการรับฟังเสียงของผู้ใช้ชาวไทยอย่างใกล้ชิดในทุกมิติ พร้อมนำข้อมูลมาปรับปรุงและต่อยอดการพัฒนา เพื่อตอบโจทย์การใช้งานและไลฟ์สไตล์ของคนไทยได้อย่างดีที่สุด

ปัจจุบันโตโยต้าได้วาง​ตำแหน่งผลิตภัณฑ์ของ ไฮลักซ์ ประกอบด้วย 3 รุ่นหลัก ได้แก่ ไฮลักซ์ รีโว่ จะเน้นการใช้งานเชิงธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มโลจิสติกส์ และผู้ที่ชื่นชอบการตกแต่งรถ, ไฮลักซ์ ทราโว่ เน้นฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ลูกค้าหลากหลายกลุ่ม ทั้ง Off Road และ Urban Lifestyle ขณะที่ ไฮลักซ์ ทราโว่-อี เหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพระดับพรีเมียม และองค์กรที่มีวิสัยทัศน์, ไฮลักซ์ แชมป์ จะเน้นไปที่ตลาด Conversion ตอบโจทธ์ธุรกิจ และผู้ใช้ส่วนตัวที่รักการตกแต่งรถ

สำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ โตโยต้า ไฮลักซ์ ทราโว่ ออกแบบใหม่ภายใต้คอนเซปต์ “Tough & Agile” ที่ผสานความแข็งแกร่ง เข้ากับความคล่องตัว ที่ด้านหน้าออกแบบด้วยแนวคิด “Cyber Sumo” ที่เป็นท่าเตรียมพร้อมในการต่อสู้ Shikiri Pose เพื่อแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง (Stable) แข็งแรง (Strong) และมั่นคง (Steady)

ส่วนภายในห้องโดยสารใช้แนวคิด “Robust Simplicity” ที่เน้นความเรียบง่ายแต่ทรงพลังทุกฟังก์ชันใช้งานได้จริง สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense เวอร์ชันล่าสุด โตโยต้าได้แนะนำเทคโนโลยี “Dynamic Cloud” ในการพัฒนาองค์ประกอบต่างๆ ที่ส่งผลต่อการขับขี่ เพื่อมอบการขับขี่ที่นุ่มนวล บังคับควบคุมแม่นยำ และทรงตัวเยี่ยม

ขุมพลังของ ไฮลักซ์ ทราโว่ จะใช้เครื่องยนต์ดีเซล GD Super Power ขนาด 2.8 ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตัน-เมตร สำหรับเกียร์ออโต้ และแรงบิด 420 นิวตัน-เมตร ในรุ่นเกียร์ธรรมดา มาพร้อมเทคโนโลยีหัวฉีดอัจฉริยะ i-Art ช่วยให้ประหยัดน้ำมัน ควบคุมหัวฉีดอย่างแม่นยำด้วยเซ็นเซอร์คอมพิวเตอร์ทำงานร่วมกับปั๊มคอมมอนเรลแรงดันสูงสุด 250 MPa ให้ละอองน้ำมันละเอียด เผาไหม้หมดจด ติดตั้งระบบ Stop & Start ระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อรถจอดนิ่ง เพื่อเพิ่มการประหยัดน้ำมัน

โดย โตโยต้า ไฮลักซ์ ทราโว่ จะมาในรุ่นยกสูงเท่านั้น และมาด้วยกัน 4 เซ็กเมนต์ พร้อมทั้ง 17 รุ่นย่อย ที่มีออปชันให้เลือกแตกต่างกันไป ไล่เลียงไปจาก 1.TOYOTA HILUX TRAVO OVERLAND รุ่นเรือธง (ขับเคลื่อน 2 ล้อ ยกสูง และขับเคลื่อน 4 ล้อ) 2.TOYOTA HILUX TRAVO PRERUNNER ขับเคลื่อน 2 ล้อ ยกสูง 3.TOYOTA HILUX TRAVO 4TREX ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4.TOYOTA HILUX TRAVO STANDARD CAB 4TREX ขับเคลื่อน 4 ล้อ

รุ่นเรือธง OVERLAND ภายนอกดีไซน์โดดเด่นด้วยไฟหน้า LED พร้อม Daytime Running Light สปอร์ตบาร์เสริมความแกร่ง ไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ภายในห้องโดยสารออกแบบเน้นความเรียบง่ายแต่ทรงพลัง “Robust Simplicity” ทุกฟังก์ชันใช้งานได้จริง จอแสดงข้อมูลการขับขี่ ขนาด 12.3 นิ้ว แบบดิจิทัล ทันสมัย คมชัด พวงมาลัยไฟฟ้าแม่นยำ ควบคุมง่าย เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย พร้อม Wireless Charger ที่วางแก้วน้ำขนาดใหญ่ และที่พักแขนช่วยลดความเหนื่อยล้าขณะขับขี่

เทคโนโลยี “Dynamic Cloud” ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุม การทรงตัว และความนุ่มนวลให้ดียิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มสมรรถนะและความสบายในทุกมิติ เพิ่มจุดเชื่อมพื้นตัวถัง เพื่อเสริมความแข็งแรงของห้องโดยสาร ปรับปรุงการทรงตัว และเพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ ติดตั้งยางรองแท่นเครื่องแบบไฮดรอลิก และยางรองตัวถังแบบ Shear Type ลดแรงสั่นสะเทือนเข้าสู่ห้องโดยสาร เบาะนั่งออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ หนัง Softex นุ่ม นั่งสบาย ระบบช่วงล่างแบบนุ่ม หนึบ เกาะถนน แกนพวงมาลัยขนาดใหญ่ ช่วยให้ควบคุมได้เฉียบคม ตอบสนองดี และลดแรงสั่นสะเทือน

อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ระบบ Multi-Terrain Select (MTS) ช่วยปรับการขับขี่ให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิวที่หลากหลาย ทั้งแบบ ดิน ทราย โคลน หิน หรือ หิมะ ระบบควบคุมเฟืองท้าย (Auto Limited Slip Differential) เบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ Auto Brake Hold บันไดข้าง พื้นลายรังผึ้ง Hexagonal Grip เพิ่มการยึดเกาะ และสะดวกในการก้าวขึ้นลง บันไดเหยียบข้างกระบะท้าย ช่วยให้การขึ้นลงสะดวกขึ้น ระบบช่วยผ่อนแรงฝาท้ายกระบะ เปิด-ปิดง่าย

ส่วนรุ่นพรีรันเนอร์, 4TREX มาพร้อมความโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์ภายใน “Robust Simplicity” จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่จอสีขนาด 7 นิ้ว แบบดิจิทัล เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 12.3 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย พร้อม Wireless Charger เบาะนั่งวัสดุผ้า Caretex นั่งสบาย ทำความสะอาดง่าย เบรกมือไฟฟ้า EPB พร้อมระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ Auto Brake Hold ระบบ Push Start สตาร์ตเครื่องยนต์ด้วยปลายนิ้ว ระบบควบคุมเฟืองท้าย (Auto Limited Slip Differential) และยังมาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบครัน

ไฮลักซ์ ทราโว่-อี กระบะไฟฟ้ารุ่นแรกของไฮลักซ์ ผสมผสานความแข็งแกร่งตามแบบฉบับ Hilux เข้ากับระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเพื่อสนับสนุนแนวคิด Multi-Pathway สมรรถนะสูง ทนทาน ตอบโจทย์ทุกการใช้งานแบบกระบะตัวจริง

ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้ามอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ All-Wheel Drive ให้กำลังรวมสูงสุด 196 แรงม้า (144 กิโลวัตต์) ชุดมอเตอร์ไฟฟ้าหน้าแรงบิดสูงสุด 205 นิวตันเมตร ชุดมอเตอร์ไฟฟ้าหลังแรงบิดสูงสุด 269 นิวตันเมตร ความจุแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาด 59.2 kWh ระยะทาง 315 กม. (อ้างอิงจาก Eco Sticker ตามมาตรฐาน NEDC) รองรับการชาร์จแบบ AC สูงสุดที่ 10kW และแบบ DC สูงสุดถึง 125kW

“DIAMOND GUARD” เทคโนโลยีปกป้องแบตเตอรี่และชุดขับเคลื่อนไฟฟ้าช่วยปกป้องแบตเตอรี่และชุดขับเคลื่อนไฟฟ้าด้วยแผ่นปิดเสริมความปลอดภัย ทั้งด้านหน้าและใต้ท้องรถ แบตเตอรี่ยึดกับเฟรมย่อยเป็นรูป Diamond Shape ช่วยลดความเสียหายต่อแบตเตอรี่จากการบิดตัวของเฟรมระหว่างการใช้งาน เสริมความปลอดภัยจากการกระแทกรอบทิศทางด้วยโครงสร้างดูดซับแรงกระแทก และยังมาพร้อมเทคโนโลยี “Dynamic Cloud” ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุม การทรงตัว และความนุ่มนวลให้ดียิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มสมรรถนะ และความสบายในทุกมิติ

สำหรับ โตโยต้า ไฮลักซ์ ทราโว่ มาพร้อม 6 สีให้เลือก สีน้ำตาล SULFUR METALLIC, สีเทา ASH, สีขาวมุก PLATINUM WHITE PEARL MICA, สีขาว SUPER WHITE II, สีดำ ATTITUDE BLACK MICA และสีเงิน SILVER METALLIC และในรุ่นรถยนต์ไฟฟ้า 100% อย่าง HILUX TRAVO-e Double Cab 4TREX มี 2 สีให้เลือกใหม่ สีเทา ASH และสีขาวมุก PLATINUM WHITE PEARL MICA โดยราคาจำหน่ายมีดังนี้ TOYOTA HILUX TRAVO ราคา 774,000-1,366,000 บาท และ HILUX TRAVO-e Double Cab 4TREX ราคา 1,491,000 บาท พร้อมส่งตั้งแต่พฤศจิกายน-ธันวาคม เป็นต้นไป