“โตโยต้า” เล็ง 2.84 แสน เดินเครื่องทำตลาดบีอีวี
โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เชื่ออุตสาหกรรมยานยนต์จะค่อยๆ ฟื้นตัวสู่สภาวะปกติ เดินไปในทิศทางเดียวกับภาพรวมทางเศรษฐกิจ ดันยอดขายรถยนต์ภายในประเทศขึ้นไปที่ 860,000 คัน ในปีนี้ พร้อมเดินหน้าทำตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในประเทศไทย ประเดิมด้วย bZ4X ตั้งเป้าเก็บเกี่ยวยอดขาย 284,000 คัน ครองสัดส่วน 33% ในปีนี้
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ในปี 2564 ซึ่งอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทยนั้นปิดยอดขายในปีที่ผ่านมามีจำนวนทั้งสิ้น 759,119 คัน ลดลง 4.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จำแนกเป็น รถยนต์นั่ง 251,800 คัน ลดลง 8.4% และรถเพื่อการพาณิชย์ 507,319 คัน ลดลง 1.9%
สำหรับตัวแปรสำคัญอยู่ที่การแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัส 2019 ที่ยังคงสร้างผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปีก่อนหน้า บวกกับปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนการผลิต ซึ่งโตโยต้า สามารถเก็บเกี่ยวยอดขายรวมทั้งสิ้น 239,723 คัน ลดลง 1.9% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทว่ายังคงครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ด้วยตัวเลข 31.6% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด
โดย มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปีนี้ว่า “เป็นไปได้ว่าโควิด-19 จะยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย อย่างไรก็ดี เราคาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะกลับคืนสู่สภาวะปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไปพร้อมๆ กับการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจโดยรวมทั้งหมด”
“ผู้บริโภคเองก็เรียนรู้วิธีการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิด-19 รวมถึงปัญหาชิ้นส่วนการผลิตขาดตลาดก็จะค่อยๆคลี่คลายลง โดยคาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยปี 2565 จะทำยอดขายอยู่ที่ 860,000 คัน เพิ่มขึ้น 13.3% ซึ่งเราตั้งเป้าคว้าตัวเลขยอดขายที่ 284,000 คัน ขยับเพิ่มขึ้น 18.5% และครองส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 33%”
นอกจากนี้ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ยังมีแผนที่จะทำการแนะนำ bZ4X ซึ่งถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของซีรีส์ bZ ออกสู่ตลาดภายในปีนี้ พร้อมเดินหน้าส่งเสริมให้มีการใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศให้มากยิ่งขึ้น เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตหลักสำหรับการประกอบรถยนต์ไฟฟ้าอีกหลากหลายรุ่นต่อไปในอนาคต สอดคล้องกับแนวทางของภาครัฐที่มุ่งเดินหน้าส่งเสริมการใช้พลังงานไฟฟ้า
สำหรับ bZ4X มาภายใต้รูปโฉมของคอมแพ็ค ครอสโอเวอร์ พัฒนาขึ้นภายใต้แพลตฟอร์ม e-TNGA มี 2 ทางเลือก ได้แก่ รุ่นมอเตอร์ตัวเดียว มาพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และรุ่นมอเตอร์ 2 ตัว มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เปิดตัวในตลาดโลกอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปีที่ผ่านมา เป็นรถรุ่นแรกในตระกูล bZ ซีรีส์
มร.ยามาชิตะ กล่าวว่า “ในประเทศไทยนั้น โตโยต้าเป็นผู้ริเริ่มแนะนำเทคโนโลยีด้านยานยนต์ไฟฟ้ามาตั้งแต่ปี 2552 โดยครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ถึง 80% และมีการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าของโตโยต้ามากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน อีกทั้งในปีที่ผ่านมาเรายังได้ทำการแนะนำ เลกซัส UX300e ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ และ เลกซัส NX450h+ ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด
การขยับตัวดังกล่าวเป็นไปตามกลยุทธ์ของโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ที่มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือกลยุทธ์ด้านยานยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ โดยโตโยต้าจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ครบทั้ง 30 รุ่น ภายในปี 2573 รวมถึงรถซีรีส์ bZ จำนวน 5 โมเดล ซึ่งมาพร้อมกับแพลตฟอร์มที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่โดยเฉพาะ ทั้งยังมุ่งมั่นที่จะขายรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ให้ได้ 3.5 ล้านคัน ภายในปี 2573
สำหรับ โตโยต้า ได้ทุ่มเม็ดเงินลงทุน 1.2 ล้านล้านบาท เพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ โดย 0.6 ล้านล้านบาท เป็นการลงทุนด้านแบตเตอรี่ และพร้อมลงทุนต่อเนื่องอีก 1.2 ล้านล้านบาท สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริด รถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง ภายในปี 2573