“เอ็มจี4” นำทัพบีอีวี Q1 ครองแชร์ 14.7%

เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) เผยยอดขายไตรมาสแรกของปี ครองส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 14.7% หลังเก็บเกี่ยวไปได้ทั้งสิ้น 2,661 คัน ในช่วงโค้งแรกของปี ชูโรงโดย เอ็มจี4 อิเล็กทริค แฮตช์แบ็กอีวี ที่เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 45% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตอกย้ำบทบาทผู้นำยานยนต์พลังงานทางเลือกในตลาดประเทศไทย
แบรนด์เอ็มจี มีส่วนสำคัญในการเปิดตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ภายใต้บทบาทของผู้บุกเบิกที่เดินหน้านำเสนอยานยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภค สร้างการรับรู้และร่วมขับเคลื่อนระบบนิเวศน์รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในประเทศไทยด้วยทางเลือกใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง สร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ในตลาดประเทศไทย
ล่าสุด เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) เผยยอดขายในไตรมาสแรกของปี โดย เอ็มจี4 อิเล็กทริค ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในประเทศไทย ส่งผลให้ยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา และมียอดขายสะสมทั่วโลก ณ ปัจจุบันมากกว่า 180,000 คัน ตอกย้ำบทบาทแฮตช์แบ็กบีอีวีรุ่นยอดนิยมทั่วโลก ซึ่ง เอ็มจี ได้นำรถรุ่นนี้เข้ามาผลิตในประเทศไทย ทำให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของยนตรกรรมคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เอ็มจี เป็นแบรนด์รถยนต์ที่บุกเบิกตลาดอีวีในประเทศไทยให้ได้รับความนิยม โดย ณ ปัจจุบัน เราถือเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีความหลากหลายและครอบคลุมมากที่สุด ทั้งในรูปแบบของเอสยูวีอีวี รถสเตชันแวกอนอีวี รถแฮตช์แบ็กอีวี รถอี-เอ็มพีวี และรถโรดสเตอร์อีวี ซึ่งสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และรองรับการใช้งานที่แตกต่าง”
“โดยเฉพาะ เอ็มจี4 อิเล็กทริค ที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลกอย่างรวดเร็ว การันตีด้วยตัวเลขยอดขายสะสมรวมทั่วโลกกว่า 180,000 คัน ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี 10 เดือน ทั้งยังสร้างความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญให้กับแบรนด์เอ็มจี ในตลาดอีวีประเทศไทย โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 45% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา และในส่วนของยอดรวมทุกรุ่นของรถไฟฟ้า เอ็มจี สามารถสร้างสถิติครองส่วนแบ่งการตลาดในไตรมาสแรกด้วยสัดส่วน 14.7% โดยมียอดรวมทุกรุ่นกว่า 2,661 คัน”
สำหรับ เอ็มจี4 อิเล็กทริค เป็นรถแฮตช์แบ็กพลังงานไฟฟ้าของเอ็มจี เป็นโกลบอลอีวีรุ่นแรกที่พัฒนาขึ้นบน NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM ที่ดีไซน์มาเพื่อรถอีวีโดยเฉพาะ มาพร้อมหลากหลายจุดเด่นที่บ่งบอกเอกลักษณ์เฉพาะตัวของการเป็นอีวีสายพันธุ์แท้ ที่ขับสนุกเร้าใจ ด้วยการกระจายน้ำหนักแบบสมมาตร 50:50 ตัวถังมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ (Low Centre of Gravity) ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังอิสระแบบ 5-Link Suspension ทำให้รถรุ่นนี้มีสมรรถนะและการควบคุมที่ดีเยี่ยม เพียบพร้อมด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM มากถึง 26 ระบบ
ถือเป็นโมเดลที่มีความครบครันทั้งสมรรถนะ ดีไซน์ เทคโนโลยี ความปลอดภัย ที่มาพร้อมกับความคุ้มค่า ด้วยราคาจัดจำหน่ายเริ่มต้นที่ 709,900 บาท ในรุ่น STANDARD RANGE ที่สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 423 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC และราคา 889,900 บาท ในรุ่น LONG RANGE ที่สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 540 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ซึ่งทำให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของและเข้าถึงยนตรกรรมคุณภาพได้ง่ายขึ้น รวมถึงรุ่นสมรรถนะสูงอย่าง XPOWER ที่มาพร้อมมอเตอร์คู่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 200 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง และวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 480 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC ในราคาจำหน่ายที่ 1,119,900 บาท