เบิกกลยุทธ์ “เอ็มจี” เดินหน้าขับเคลื่อนตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยให้เติบโต พร้อมเร่งผลักดันยอดขายโตเท่าตัว หวังเพิ่มสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 50% มั่นใจขายทั้งปีทะลุ 5 หมื่น เตรียมนำสมรรถนะชั้นสูง อย่าง เอ็มจี ไซเบอร์สเตอร์ ลงตลาดประเทศไทยเร็วๆ นี้          

            นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงแผนธุรกิจของแบรนด์ในปีนี้ว่า “บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 50,000 คัน และขยับขึ้นติดอันดับท็อป 5 ในตลาด มีส่วนแบ่งตลาดอย่างน้อย 5% ปีที่แล้ว เอ็มจีปิดยอดขาย 27,286 คัน ซึ่งต้องยอมรับว่าเจอผลกระทบซัพพลายชิ้นส่วนสำหรับการผลิตพอสมควร โดยเฉพาะเครื่องยนต์สันดาปภายใน ทำให้ยอดขายลดลงจากปี 2564 ซึ่งทำได้ 32,388 คัน”

ในปีนี้เราจะปรับแผนเร่งขยายตลาดรถยนต์ไฟฟ้าให้เติบโตมากขึ้น ตั้งเป้าหวังทำตลาดเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว พยายามปรับเซตทุกอย่างให้สอดรับกับนโยบายรัฐบาล 30@30 ซึ่งกำหนดว่าในปี 2573 หรือปี 2030 ประเทศไทยจะมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 30% หรือขายราว 100,000 คันต่อปี

ล่าสุด เอ็มจีเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ในประเทศไทย เมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยรถยนต์อีวีรุ่นใหม่ อย่าง เอ็มจี4 อิเล็กทริก ถือเป็นรถยนต์ที่ได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของค่าย ด้วยแพลตฟอร์ม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM ที่มีการออกแบบให้แบตเตอรี่ติดตั้งเป็นชิ้นเดียวกับโครงรถ ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กแต่ให้พละกำลังที่มาก และระบบช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ แบบ 5-LINK SUSPENSION ช่วยเพิ่มการเกาะถนน ดีไซน์สปอร์ต โฉบเฉี่ยว ล้ำสมัย มาพร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลัง DYNAMIC REAR WHEEL DRIVE

สำหรับเอ็มจีล็อกเป้าจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ อย่าง เอ็มจี4 อิเล็กทริก ด้วยกัน 2 รุ่น และภายใต้การเปิดราคาที่ค่อนข้างเซอร์ไพรส์ ที่ 869,000-969,000 บาท ภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2022 ยิ่งทำให้รถยนต์รุ่นนี้ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทย

นายพงษ์ศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า ปีที่ผ่านมา เอ็มจีได้เข้าร่วมโครงการสนับสนุนมาตรการส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาล มีรถอีวีเข้าร่วม 3 รุ่น สามารถทำยอดจองได้สูงถึง 10,000 คัน แต่บริษัทแม่ซัพพลายให้ ทำให้ส่งมอบได้แค่ 6,000 คัน ยังเหลืออีกกว่า 4,000 คัน น่าจะส่งมอบได้หมดภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้

“สัดส่วนการขายรถอีวีเราขยับขึ้นทุกปี และเรามั่นใจว่า ในปี 2573 สัดส่วนการขายรถยนต์ไฟฟ้าของเอ็มจีจะอยู่ที่ 50% ของยอดขาย จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนราว 15-20%”

เอ็มจีถือเป็นผู้นำในกลุ่มรถอีวี หลังจากเปิดตัว แซดเอส อีวี เอสยูวีไฟฟ้ารุ่นแรกทำตลาดในไทย ส่งผลให้บรรดาผู้เล่นค่ายอื่นๆ เริ่มจับตา ก่อนจะเกิดแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มขึ้น วันนี้ผ่านมาแล้ว 3 ปี เอ็มจีส่งมอบรถอีวีไปแล้วกว่า 7,000 คัน และเรากลายเป็นผู้นำในตลาดนี้อยู่ ควบคู่ไปกับการพยายามเพิ่มจำนวนสถานีชาร์จ จากที่มีอยู่ในศูนย์บริการเอ็มจีทั้งประเทศแล้ว ยังมีตามปั๊มบางจากอีก 40 กว่าแห่ง และอนาคตตั้งใจว่าจะให้มีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของเอ็มจี อย่างน้อยๆ  ทุก 150 กิโลเมตร

นายพงษ์ศักดิ์ ยังย้ำถึงทิศทางรถยนต์ไฟฟ้าของค่ายว่า ภายในปี 2567 เอ็มจีจะเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากฐานการผลิตรถยนต์ในจังหวัดระยอง แต่ ณ ตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใด ซึ่งบริษัทยังคงอยู่ระหว่างการศึกษาแนวโน้มความเหมาะสมในตลาด รวมถึงแนวทางความต้องการของผู้บริโภคชาวไทยว่าเหมาะสมกับรุ่นใด ซึ่งเราต้องวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบ

ส่วนแผนดำเนินธุรกิจที่เอ็มจีจะมุ่งเน้นในปี 2566 นี้ คือ การมุ่งเน้นคุณภาพการบริการ, การขายและความเชี่ยวชาญของพนักงาน ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ขณะที่การแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับประเทศไทยนั้น เอ็มจีพร้อมทยอยนำรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดประเทศไทยอย่างน้อยๆ 2 รุ่น รวมถึงความคืบหน้าของเอ็มจี ไซเบอร์สเตอร์ รถต้นแบบสปอร์ต 2 ประตู ขุมพลังไฟฟ้า ซึ่งเปิดให้รับจองสิทธิไปเมื่อปี 2564 นั้น

คาดว่าภายในงานเซี่ยงไฮ้ มอเตอร์โชว์ ปีนี้ น่าจะมีความชัดเจนออกมาก่อนเปิดตัวในช่วงสิ้นปี 2566 ที่ประเทศจีนก่อน ส่วนประเทศไทย น่าจะได้เห็นรถคันนี้ในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2567