“เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส” ปรับใหม่ จ่ายเพิ่ม 7 พัน

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ปรับโฉม มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส เติมความสปอร์ตพรีเมียมทั้งภายนอกและภายใน ยกระดับการใช้งานด้วยเทคโนโลยีเสริมตามแบบฉบับของรถอเนกประสงค์ในยุคปัจจุบัน ตอบโจทย์วิถีคนเมืองและออกทริปเดินทาง เคาะราคาขาย 946,000 บาท จ่ายเพิ่มจากรุ่นก่อนหน้า 7,000 บาท
ค่ายมิตซูบิชิ เปิดตัวเจเนอเรชันที่ 2 ของมิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ผ่านมา โดยดึงจุดเด่นที่เป็นดีเอ็นเอสำคัญของรถมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต มาผสมผสานกับความพรีเมียมของรถคอมแพคเอสยูวี และกลายเป็นรถครอสโอเวอร์ในรูปแบบที่ลงตัว
ล่าสุดได้เพิ่มความสดใหม่และเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคด้วย มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส มาพร้อมความโดดเด่นทั้งในเรื่องของรูปร่างหน้าตาที่โฉบเฉี่ยว ทัยสมัยยิ่งขึ้น รวมถึงสมรรถนะการใช้งานที่ยกระดับขึ้นไปอีกขึ้น ด้วยออปชันและเทคโนโลยีเสริมต่างๆ สร้างความน่าสนใจให้กับผลิตภัณฑ์
“มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส ใหม่ ตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่ ที่ชื่นชอบการผจญภัยและมีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ไร้ขีดจำกัด ด้วยดีไซน์และฟังก์ชันที่ผสมความเป็นเอสยูวีและเอ็มพีวีได้อย่างลงตัว ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ สไตล์โฉบเฉี่ยวโดดเด่นทันสมัย สะท้อนความหรูหราผสานดีไซน์สปอร์ตทั้งภายนอกและภายใน ผลิตจากวัสดุคุณภาพระดับพรีเมียม จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานเป็นรถอีกคันของครอบครัวยุคใหม่ และใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่กว่าที่เคย” มร.เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงโปรดักต์ใหม่
มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอส ใหม่ อัปเกรดด้วยดีไซน์ด้านหน้าแบบ Advanced Dynamic Shield เสริมความโดดเด่นด้วยล้ออัลลอยสปอร์ตทูโทน ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางที่มีขนาดใหญ่ขึ้น สอดรับกับกระจังหน้า กันชนหน้าและหลัง รวมถึงแผงตกแต่งข้างประตูและซุ้มล้อแบบครอสดีไซน์ เพิ่มความดุดันและเติมเต็มอารมณ์สปอร์ตด้วยหลังคาสีดำและราวหลังคาสีดำ
มาพร้อมคานเหล็กนิรภัยกันกระแทกบริเวณแผงประตู และการออกแบบตัวถังด้านหน้า ช่วยลดความรุนแรงจากแรงกระแทกของรถที่เกิดขึ้นกับคนเดินถนน ด้วยระยะความสูงจากพื้น 220 มิลลิเมตร โดดเด่นเหนือกว่ารถรุ่นอื่นๆ ในประเภทเดียวกัน เสริมทัศนวิสัยและการขับขี่ที่ดีด้วยช่วงล่างและระบบกันสะเทือนที่ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงใหม่ให้มีความนุ่มนวล และยึดเกาะถนนได้เป็นอย่างดี
ภายในห้องโดยสารผสานความหรูหราและอารมณ์สปอร์ต ด้วยเบาะหนังสีทูโทน ดำ-น้ำเงิน มาพร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว แสดงผลข้อมูลที่จำเป็นครบครัน รวมถึงพวงมาลัย 4 ก้านหุ้มหนังดีไซน์ใหม่ พร้อมสวิตช์ควบคุมระบบล็อกความเร็วบนพวงมาลัย สวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียง และปุ่มรับสาย-วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย
เสริมการใช้งานด้วยหน้าจอระบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Bluetooth และการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto ระบบเบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ Brake Auto Hold ช่องต่ออุปกรณ์ USB-A และ USB-C ช่องจ่ายกระแสไฟ DC 12 โวลต์ ระบบปรับอากาศด้านหลังแบบแยกอิสระ พร้อมแผงควบคุมและช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง และระบบปรับอากาศแบบดิจิทัล ที่มีแผ่นกรองอากาศ PM 2.5
ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ MIVEC DOHC ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที สร้างแรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ ECO-Dynamic CVT เติมเต็มด้วยเทคโนโลยีช่วยเสริมความปลอดภัยขณะเข้าโค้ง AYC (Active Yaw Control) เสริมความปลอดภัยด้วยการควบคุมการขับเคลื่อนและการเบรกของล้อหน้าด้านซ้ายและด้านขวา เพิ่มสมรรถนะการเข้าโค้งและรักษาเสถียรภาพการขับขี่ได้ดีบนถนนที่เปียกลื่น
มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีเขียว (Green Bronze Metallic), สีขาวมุก (Quartz White Pearl), สีเงิน (Blade Silver) และสีเทา (Graphite Gray) พร้อมด้วยสีทูโทนอีก 2 สไตล์ ได้แก่ สีเขียวหลังคาดำ (Green Bronze Metallic with Black Roof) และสีขาวหลังคาดำ (Quartz White Pearl with Black Roof) ภายใต้ราคาจำหน่าย 946,000 บาท ปรับเพิ่ม 7,000 บาท จากรุ่นก่อนหน้า