‘เอทีฟ’ เริ่ด เขย่า ‘อีโคคาร์’ ชูความคุ้มค่า 4 โมเดล เริ่ม 5.39 แสน
โตโยต้าเขย่าตลาดอีโคคาร์ ครั้งแรกของโลกในเมืองไทยกับ โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ใหม่หมดจด! ทั้งโมเดล ภายนอก-ภายใน ชูไฮไลต์ตัวถัง “ฟาสต์แบ็ก สไตล์” เติมเต็มและให้อารมณ์ความเป็นสปอร์ตพรีเมียม ออปชันแน่นล้นคัน ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย 4 โมเดล วางราคาสุดคุ้มค่า 539,000-689,000 บาท
บนพื้นฐานความสำเร็จในตลาดรถยนต์เมืองไทยของโตโยต้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดกลุ่มรถยนต์อีโคคาร์ ถือว่าประสบความสำเร็จ โดยในปีที่ผ่านมา ยาริส และยาริส เอทีฟ สามารถครองอันดับ 1 ในเซ็กเมนต์ดังกล่าว และในปีนี้ค่ายยักษ์ใหญ่โตโยต้าสามารถทำยอดจำหน่ายของรถยนต์นั่งอีโคคาร์ จากเดือน ม.ค.-มิ.ย. รวมทั้งสิ้น 25,365 คัน แบ่งจำแนกเป็น โตโยต้า ยาริส 14,715 คัน และยาริส เอทีฟ 10,648 คัน
ล่าสุด โตโยต้าได้ทำการปรับพอร์ตรถยนต์นั่งใหม่ โดยทางค่ายพร้อมยกเลิกผลิต โตโยต้า วีออส เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร (เสียภาษีสรรพสามิต 20%) และมุ่งเน้นทำตลาด โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ผ่านโครงการอีโคคาร์เฟส 2 (เสียภาษีลดลงอยู่ที่ 12%) โดย ยาริส เอทีฟ ถึงแม้ว่าจะออกทำตลาดมานานหลายปีแล้ว แต่ทว่า รุ่นปัจจุบันยังได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การใช้งานอย่างครบครัน
มร.โนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า “ยาริส เอทีฟ เปิดตัวครั้งแรกในปี พ.ศ. 2560 โดยมีจุดมุ่งหมายในการนำเสนอรถยนต์ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย ประหยัดน้ำมัน และเชื่อถือได้ในคุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าชาวไทย เช่น กลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน และคนรุ่นใหม่ รถรุ่นนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้าชาวไทย และมียอดขายเป็นอันดับ 1 ในตลาดซับคอมแพ็ค ซีดาน ด้วยยอดขายรวม 133,000 คัน นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน
ด้วยความมุ่งมั่นของ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ที่จะสร้างสรรค์รถยนต์ให้เป็นที่ชื่นชอบของคนไทย ผ่านแนวคิดผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ซึ่งยาริส เอทีฟ ใหม่ ได้รับการออกแบบด้วยรูปทรงใหม่ในสไตล์ฟาสต์แบ็ก มาพร้อมภายในที่หรูหรา กว้างขวาง พร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม ผสานเทคโนโลยีขั้นสูงเหนือระดับ และความคุ้มค่า ที่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย
มร.ฮิเดยูกิ คามิโนะ Executive chief engineer, Emerging market compact car บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กล่าวถึงการพัฒนารถรุ่นนี้ว่า “นับตั้งแต่การเปิดตัวเจเนอเรชันแรกในปี พ.ศ. 2545 ปริมาณรถที่ขายได้โดยรวมทั้งหมดอยู่ที่ 3.5 ล้านคันทั่วโลก ต่อมาในปี พ.ศ. 2550 ได้มีการเปิดตัวเจเนอเรชันที่ 2 โดยเพิ่มเติมองค์ประกอบต่างๆ เพื่อยกระดับการใช้งาน และความคุ้มค่าให้เหนือชั้นยิ่งขึ้น พร้อมตอกย้ำคุณภาพในรูปแบบรถซีดาน 4 ประตู หลังจากนั้นได้เปิดตัวเจเนอเรชันที่ 3 โดยมีจุดเด่นที่เหนือระดับ เมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกัน
มร.คามิโนะ กล่าวในรายละเอียดว่า “สำหรับในประเทศไทย กลุ่มลูกค้า ยาริส เอทีฟ ของเรา ประกอบด้วยลูกค้าหลัก คือ ผู้ซื้อรถคันแรก โดยมีช่วงอายุประมาณ 30 ต้นๆ รวมทั้งกลุ่มผู้หญิงที่อาศัยอยู่กับครอบครัว หรือเพิ่งมีครอบครัว พร้อมด้วยลูก สำหรับกลยุทธ์ในการพัฒนา ตลอดจนแนวคิดด้านผลิตภัณฑ์และการออกแบบ รวมทั้งจุดขายหลักของ ยาริส เอทีฟ ใหม่ ได้แก่ ความภาคภูมิใจ ความสะดวกสบาย ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย”
ไฮไลต์เด่นของ โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ใหม่ อยู่ที่ตัวถัง “ฟาสต์แบ็ก สไตล์” ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดรถฝั่งยุโรปหลายๆ รุ่น อีกทั้งยังมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศต่ำ เพียงแค่ 0.284 ทุกรุ่นมาพร้อมกับไฟหน้า Full LED ล้ออัลลอย แบบทูโทน ขนาด 16 นิ้ว และยังมีไฟท้ายแบบ Full LED Light-guidingไฟเลี้ยว Sequential ใหม่ การออกแบบรถสามารถต่อยอดการตกแต่งได้หลากหลาย ครอบคลุมความชอบของลูกค้าหลายๆ กลุ่ม
ในส่วนของดีไซน์ภายใน ถูกปรับใหม่ทั้งหมด เพื่อเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์และยกระดับคุณภาพของรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ด้วยการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ มาพร้อมดีไซน์ที่เรียบหรู เพิ่มความล้ำสมัยด้วยการติดตั้งเบรกมือไฟฟ้า EPB รวมถึงไฟ “Ambient light” สร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร สามารถปรับได้ถึง 64 เฉดสี หน้าปัด Full digital รวมทั้งมีภายในสีแดงให้เลือกที่โดดเด่น ไม่เหมือนใคร
รถยนต์รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกจัดเต็มมากที่สุดในคลาส ด้วยระบบ Push start / Smart entry และวิทยุหน้าจอสัมผัสรองรับ Apple CarPlay, Android auto ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น มาพร้อมเทคโนโลยีระบบ T-Connect เป็นมาตรฐานในทุกรุ่น
ในส่วนของขุมพลัง ยาริส เอทีฟ ใหม่ ยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ขนาด 1.2 ลิตร Dual VVT-iE ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้มีประสิทธิภาพดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม มาพร้อมกับเกียร์ CVT ใหม่ สมรรถนะการขับขี่ที่ดี ขับง่าย ควบคุมง่าย ทรงตัวได้ดี นุ่มนวล และตอบสนองขณะออกตัว และขับขี่ในเมืองได้ดีขึ้น พวงมาลัยมีน้ำหนักเบาขึ้นในความเร็วต่ำ โดยรวมขับง่าย คล่องตัวขึ้น
ทุกรุ่นจัดเต็มด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยมาตรฐาน อาทิ ถุงลมนิรภัย Airbag 6 ตำแหน่ง ระบบ ABS / EBD / BA / VSC / TRC และยังมีเทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense ครบครัน ดีที่สุดในคลาส และยังมีสเปกที่ติดตั้งมาเป็นแบรนด์แรกอีกด้วย เช่น ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS (Pre-Collision System), ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมพวงมาลัยดึงกลับอัตโนมัติ LDA (Lane Departure Alert), ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว (Front Departure Alert) ระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งแบบผิดวิธี (Pedal Misoperation Control) เป็นต้น
สำหรับแผนการตลาด นายสุรศักดิ์ สุทองวัน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า “สำหรับตลาดรถยนต์นั่งอีโคคาร์ มีสัดส่วนการขายถึง 56% ซึ่งในจำนวนนี้เป็นรถซีดานถึง 50% หรือมากถึงเกือบ 100,000 คันต่อปี จากข้อมูลการขายพบว่า ยาริส เอทีฟ เป็นรถที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าในทุกเซ็กเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ซื้อรถคันแรก First jobber พนักงานบริษัท เจ้าของกิจการค้าขาย รวมทั้งข้าราชการ
นอกจากนี้ ผลการวิจัยยังระบุว่าในสภาวการณ์แบบ New normal ทำให้ทุกคนอยากมีรถส่วนตัวไว้สักคัน เพื่อการเดินทางอย่างมั่นใจและปลอดภัย เราจึงพัฒนา โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ใหม่ ให้เป็น Beloved People’s Car หรือรถที่เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน โดยเรามุ่งมั่นที่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกกลุ่มใน 3 ด้านด้วยกัน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ประสบการณ์ที่ดีที่สุด และการสนับสนุนการเดินทางด้วยเทคโนโลยีล่าสุด
เพื่อให้ ยาริส เอทีฟ ใหม่ เป็น Beloved People Car ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เราได้เตรียมแพ็กเกจชุดตกแต่งพิเศษ เพื่อเสริมความมั่นใจ และตัวตนของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการที่โดดเด่น และแตกต่าง สะท้อนภาพลักษณ์ที่เป็นตัวคุณเองอย่างมั่นใจ ชุดอุปกรณ์ตกแต่งหลากหลายแพ็กเกจ ได้ถูกออกแบบมาเฉพาะสำหรับ ยาริส เอทีฟ ใหม่
โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ใหม่ ยังมาพร้อมกับโปรโมชันแพ็กเกจที่หลายหลาย เพื่อให้ลูกค้าเป็นเจ้าของได้ง่าย ประกอบด้วย แพ็กเกจทางการเงินหลากหลายแบบ ซึ่งพร้อมให้ลูกค้าเลือกใช้ เราตระหนักถึงความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม จึงได้ร่วมมือกับพันธมิตรพร้อมพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้สามารถเสนอบริการได้หลากหลายรูปแบบ
โตโยต้า ยาริส เอทีฟ วางจำหน่ายทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ Sport ราคา 539,000 บาท, Smart ราคา 584,000 บาท, Premium ราคา 659,000 บาท และรุ่นท็อป Premium Luxury ราคา 689,000 บาท มาพร้อม 7 สี ใหม่ สีส้ม Spicy Scarlet, สีขาว Super White, สีเงิน Metal Stream, สีเทา Urban Metal, สีแดง Red Mica Metallic, สีดำ Attitude Black Mica และสีขาวมุก Platinum White Pearl