“เรเว่ฯ” ตรึงราคาเดิม ย้ำกระแสอีวี “บีวายดี”
เรเว่ ออโตโมทีฟ ประกาศยันราคารถยนต์ไฟฟ้าจากแบรนด์บีวายดี ทุกรุ่น ยังไม่ปรับขึ้นตามมาตรการ อีวี 3.5 ขอยืนยันขายราคาเดิมไปอีกหนึ่งเดือน จนถึง 31 มกราคม 2567
บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจำหน่าย และให้บริการหลังการขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า บีวายดี ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการว่า ประกาศยืนยันราคาจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า 100% ทุกรุ่นยังคงราคาเดิม หลังรัฐบาลออกมาตรการ EV 3.5 โดยบริษัทจะยืนยันราคาจำหน่ายเดิม ไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2567
สำหรับราคาจำหน่ายรถยนต์ บีวายดี 3 รุ่น ประกอบด้วย บีวายดี ดอลฟิน รุ่นสแดนดาร์ต เรนจ์ แบตเตอรี่ขนาด 44.9 kWh ราคา 699,999 บาท รุ่นเอ็กซ์เทนเด็ด เรนจ์ แบตเตอรี่ขนาด 60.48 kWh ราคา 859,999 บาท
ขณะ บีวายดี อัตโต ทรี รุ่นสแดตดาร์ต เรนจ์ แบตเตอรี่ขนาด 50.1 kWh ราคา 1,099,000 บาท เมื่อใช้สิทธิรับเงินคืน 50,000 บาท ราคาจะอยู่ที่ 1,049,900 บาท, รุ่น เอ็กซ์เทนเด็ด เรนจ์ แบตเตอรี่ขนาด 60.48 kWh ราคา 1,199,900 บาท เมื่อใช้สิทธิ์รับเงินคืน 50,000 บาท ราคาจะอยู่ที่ 1,149,900 บาท
และรถยนต์ไฟฟ้าซีดาน อย่าง บีวายดี ซีล รุ่นไดนามิก แบตเตอรี่ขนาด 61.4 kWh ราคา 1,325,000 บาท เมื่อใช้สิทธิรับเงินคืน 50,000 บาท ราคาจะอยู่ที่ 1,275,000 บาท, รุ่นพรีเมียม แบตเตอรี่ขนาด 82.5 kWh ราคา 1,449,000 บาท และรุ่น ออลวีลไดร์ฟ เพอร์ฟอร์มานซ์ แบตเตอรี่ขนาด 82.5 kWh ราคา 1,599,000 บาท
โดยรถยนต์ บีวายดี ที่ทาง เรเว่ ออโตโมทีฟ ออกมาประกาศยืนยันราคาจำหน่ายเดิมไปจนถึง วันที่ 31 มกราคม 2567 นั้น น่าจะมาจากการที่บริษัทแม่ ยังให้ความสำคัญในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าประเทศไทย พร้อมให้การสนับสนุนและส่งเสริม และเป็นการกระตุ้นความต้องการและการตัดสินใจซื้อของลูกค้าในประเทศไทยต่อไป
เนื่องจากมาตรการ อีวี 3.0 กรณีนำรถไฟฟ้า 100% หรือรถอีวี ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท เข้ามาขายก่อน ผู้ซื้อได้รับเงินอุดหนุน 70,000-150,000 บาท (ตามขนาดแบตเตอรี่) ซึ่งมาตรการสิ้นสุดไปเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยค่ายรถจะต้องผลิตชดเชยตามเงื่อนไข
ล่าสุดนโยบายดังกล่าวได้ถูกสานต่อภายใต้มาตรการ อีวี 3.5 ที่ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งมาตรการดังกล่าวได้เริ่มใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2567 ไปจนถึง 31 ธันวาคม 2567 รูปแบบเดียวกัน คือนำเข้ามาขายก่อนผลิตชดเชยภายหลัง แต่ทว่ามาตรการ อีวี 3.5 จะได้รับเงินอุดหนุนที่น้อยกว่ามาตรการแรก
กรณีรถยนต์ไฟฟ้าราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ที่มีขนาดแบตเตอรี่ตั้งแต่ 50 kWh จะได้รับเงินอุดหนุน 100,000 บาท/คัน ในปีที่ 1, 75,000 บาท/คัน ในปีที่ 2 และ 50,000 บาท/คัน ในปีที่ 3-4 สำหรับรถที่มีขนาดแบตเตอรี่ต่ำกว่า 50 kWh จะได้รับเงินอุดหนุน 50,000 บาท/คัน ในปีที่ 1 และ 35,000 บาท/คัน ในปีที่ 2 และ 25,000 บาท/คัน ในปีที่ 3-4