Ramindhra UHU

Top Menu

  • หน้าหลัก

Main Menu

  • ข่าวรถยนต์
  • ข่าวมอเตอร์ไซค์
  • รามอินทรา
    • มิตรภาพผ่านเว็บไซต์
    • รามอินทรา ยกนิ้วให้
    • รามอินทรา จุ๊กจิ๊ก
    • รามอินทรา จอ จ่อ จ้อ
    • รามอินทรา แคะคน ค้นข่าว
  • เกียร์ 6
  • คนในกรอบ
  • คนในสังคม
  • โซ่หลุด
  • Test Drive
  • หน้าหลัก

Ramindhra UHU

Header Banner

Ramindhra UHU

  • ข่าวรถยนต์
  • ข่าวมอเตอร์ไซค์
  • รามอินทรา
    • มิตรภาพผ่านเว็บไซต์
    • รามอินทรา ยกนิ้วให้
    • รามอินทรา จุ๊กจิ๊ก
    • รามอินทรา จอ จ่อ จ้อ
    • รามอินทรา แคะคน ค้นข่าว
  • เกียร์ 6
  • คนในกรอบ
  • คนในสังคม
  • โซ่หลุด
  • Test Drive
  • ‘เก๋ง’ สวนวิกฤติ เดือน 4 โต 3.6% ‘ไฮบริด’ มาแรงขายมากสุด

  • “อีซูซุ” ผลักดันกีฬาเบสบอล หนุนยุวชนทีมชาติไทย ชิงชัยระดับนานาชาติ ณ เกาหลีใต้

  • ‘นิสสัน’ พร้อมส่งมอบ เซเรน่า ลูกค้ากลุ่มแรก

  • ‘ฟอร์ด’ แนะขับขี่ปลอดภัย พร้อมเทคโนโลยีตรวจเช็กรถ

  • ‘BMW’ / ‘MINI’ เปิดประสบการณ์ดิจิทัล

ข่าวรถยนต์
Home›ข่าวรถยนต์›‘เก๋ง’ สวนวิกฤติ เดือน 4 โต 3.6% ‘ไฮบริด’ มาแรงขายมากสุด

‘เก๋ง’ สวนวิกฤติ เดือน 4 โต 3.6% ‘ไฮบริด’ มาแรงขายมากสุด

By writer
June 22, 2025
20
0
Share:

รอยต่อไตรมาสแรกเข้าสู่ไตรมาสสอง ภาพรวมตลาดรถยนต์ในประเทศยังคงอยู่ในสภาวะทรงตัว โดยได้รับแรงหนุนจากรถยนต์พลังงานทางเลือก เอชอีวี ที่มีอัตราเติบโตขึ้นกว่า 30% โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์นั่ง เดือนเมษายน ปิดยอด 17,917 คัน เพิ่มขึ้น 3.6% ส่วนตลาดปิกอัพยังลุ้นเหนื่อย ท่ามกลางปัจจัยเศรษฐกิจที่ซบเซา คาดการณ์ช่วงเวลาที่เหลือ ค่ายรถเตรียมตั้งแผนรับมือ ส่งโปรดักต์ใหม่ ทยอยเปิดตัว กระตุ้นกำลังซื้อ สร้างโอกาสเก็บเกี่ยวยอดขาย เปิดความคึกคักขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2568

                  ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยนับตั้งแต่ต้นปี มกราคม-เมษายน 2568 ยอดขายรถยนต์รวมยังคงลดลง โดยตลาดรถมียอดจำนวน 200,386 คัน ลดลง 4.8% แบ่งออกเป็นยอดขายจากเซ็กเมนต์รถยนต์นั่ง 76,151 คัน ลดลง 8.1% ส่วนรถเพื่อการพาณิชย์ 124,235 คัน ลดลง 2.6% อย่างไรก็ตามเมื่อมาดูยอดขายเฉพาะเดือนเมษายน 2568 พบว่าตลาดรวมกระเตื้องเล็กน้อย โดยมียอดขาย 47,193 คัน เพิ่มขึ้น 1% ในเซ็กเมนต์รถยนต์นั่งมียอดขาย 17,917 คัน เพิ่มขึ้น 3.6% ขณะที่รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขายได้ 29,276 คัน ลดลง 0.6%

แม้ภาพรวมตลาดรถยนต์จะหดตัว แต่กลุ่มรถยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือกยังคงมีอัตราการเติบโตตามทิศทางความต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของผู้บริโภค นำโดยรถยนต์ไฮบริด รถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริดตามลำดับ ซึ่งปัจจุบันรถยนต์ในกลุ่มพลังงานทางเลือกที่กล่าวมายังทำตลาดอยู่ในกลุ่มรถยนต์นั่งเป็นหลัก

จากทิศทางดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าปี 2568 รถยนต์นั่งกลุ่มพลังงานทางเลือกจะสามารถยึดพื้นที่ส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 55% ของยอดขายรถยนต์นั่งรวม ขณะที่รถเพื่อการพาณิชย์กลุ่ม xEV คาดว่าจะยังมีส่วนแบ่งตลาดน้อยมากเพียง 1% ของยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์รวม

สำหรับแบรนด์รถยนต์ที่ขายดี 10 อันดับแรกในช่วง 4 เดือนแรกของปี อันดับ 1, 2 และ 3 ยังคงเป็นแบรนด์จากญี่ปุ่น ไล่มาตั้งแต่ โตโยต้า อีซูซุ ฮอนด้า มีส่วนแบ่งทางการตลาด 37.7%, 12.9% และ 12.3% ตามลำดับ ส่วนอันดับ 4 ตกเป็นของแบรนด์จีน อย่างบีวายดี ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 8.3% และอันดับ 5 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ครองสัดส่วนอยู่ที่ 4.4% ต่อด้วย เอ็มจี อันดับ 6 มีส่วนแบ่งการตลาด 3.4% ขยับมาเป็น ฟอร์ด อันดับ 7 มีส่วนแบ่งการตลาด 3.3 % ส่วน มาสด้า รั้งท็อปเท็น ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 1.3%

ทั้งนี้ หากพิจารณาตามสัญชาติของค่ายรถยนต์ จะเห็นว่าค่ายรถญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้นำตลาดของไทยในปัจจุบัน เลือกทำตลาดรถยนต์พลังงานทางเลือกในกลุ่มรถยนต์ไฮบริดเป็นหลัก ส่วนค่ายรถยนต์จีน เน้นขายรถยนต์บีอีวี และเริ่มสร้างตลาดรถยนต์ปลั๊ก-อินไฮบริด มากขึ้นในปีนี้ ขณะที่ค่ายรถยนต์ตะวันตกยังคงเน้นการทำตลาดรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด เป็นช้อยส์แรก โดยมีรถยนต์ไฟฟ้า เป็นตัวเลือกเสริมให้กับผู้บริโภค

สำหรับทิศทางตลาดรถยนต์ในช่วงครึ่งปีหลังยังคงเป็นที่น่าจับตา จากการต้องเผชิญกับปัญหาผลพวงต่อเนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรมของผู้บริโภค, สถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ, กำลังซื้อในภาพรวมค่อนข้างเปราะบาง, พฤติกรรมการใช้รถของคนไทยยาวนานขึ้น และการแข่งขันด้านราคาที่ทวีความรุนแรง ส่งผลให้ผู้บริโภคบางส่วนชะลอการตัดสินใจซื้อรถออกไป

จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้บรรดาค่ายรถยนต์ต่างจำเป็นต้องคิดค้นหากลยุทธ์แผนงานการส่งเสริมการขาย การส่งผลิตภัณฑ์รถยนต์รุ่นใหม่ เปิดตัวเพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดให้มีความคึกคักและสร้างทางเลือกให้ผู้บริโภค เป็นตัวขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงเดินหน้าต่อไป

โดยเฉพาะรถยนต์ไฮบริด (เอชอีวี) ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นตามลำดับ เป็นแรงส่งสำคัญในช่วงที่ตลาดยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เห็นได้จากการที่รถยนต์ไฮบริดในไทยมียอดจำหน่ายเพิ่มเกือบ 30% แสดงให้เห็นถึงทางเลือกเทคโนโลยีของผู้บริโภคที่หลากหลายขึ้น คาดการณ์ว่าปี 2568 ประเทศไทยจะขายรถได้ถึง 6 แสนคัน เติบโตขึ้น 5% ส่วนโตโยต้า ตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 231,000 คัน เพิ่มขึ้น 5% ส่วนแบ่งตลาด 38.5% โดยตลาดรถยนต์นั่งยังเป็นหัวหอกสำคัญ ในขณะที่ตลาดปิกอัพยังต้องลุ้นเหนื่อยในช่วงเวลาที่เหลือของปี

Previous Article

“อีซูซุ” ผลักดันกีฬาเบสบอล หนุนยุวชนทีมชาติไทย ชิงชัยระดับนานาชาติ ณ เกาหลีใต้

0
Shares
  • 0
  • +
  • 0

Related articles More from author

  • ข่าวรถยนต์

    “วอลโว่” ปรับกลยุทธ์ รักษาบาลานซ์โปรดักต์

    April 28, 2025
    By writer
  • ข่าวรถยนต์

    “ดีพอล S05” เอสสยูวี 2 พลังงานทางเลือก

    April 8, 2025
    By writer
  • ข่าวรถยนต์

    “ฟอร์ด” ร่วมฟื้นฟูชีวิต สานต่อโครงการสร้างอาชีพ

    September 21, 2022
    By writer
  • ข่าวรถยนต์

    “ซิกท์” รับมอบ XPENG G6 อีวีพรีเมียม รองรับลูกค้า

    April 15, 2025
    By writer
  • ข่าวรถยนต์

    “บีวายดี” ทดสอบ “อีวี บัส” ก่อนขึ้นโรงงานประกอบ

    April 30, 2024
    By writer
  • ข่าวรถยนต์

    “สวิฟท์” อัดโปรแรง กระตุ้นยอดขายต้นปี

    February 10, 2025
    By writer

Copyright © ramindhra-uhu.com. All rights reserved.