ส.อ.ท. เผยส่งออกรถหดตัว ชึ้เหตุจากสงครามอิสราเอล
ส.อ.ท. เผยเดือนกันยายน 2566 ผลิตรถยนต์ 164,093 คัน ลดลงร้อยละ 8.45 ขาย 62,086 คัน ลดลงร้อยละ 16.27 ส่งออก 97,476 คัน ลดลงร้อยละ 2.90 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) 6,881 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 437.16 ห่วงสงครามอิสราเอลยืดเยื้อ กระทบส่งออกรถยนต์
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ตัวเลขส่งออกเดือนกันยายน 2566 ส่งออกได้ 97,476 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม ร้อยละ 11.33 แต่ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 2.90 เพราะฐานสูงในปีที่แล้วที่ได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้น ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้วจากการกลับมาทำงานในบริษัทและไม่ต้องเรียนทางไกลเพราะสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายลง
อย่างไรก็ดี จากจำนวนตัวเลขรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนกันยายน 2566 มีทั้งสิ้น 164,093 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 2565 ร้อยละ 8.45 จากการผลิตเพื่อขายในประเทศลดลงร้อยละ 17.87 โดยรถกระบะบรรทุกและกระบะสี่ประตูที่ผลิตลดลงร้อยละ 47.13 และ 50.25 ตามลำดับ จากยอดขายรถกระบะที่ลดลง เพราะการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงิน ทำให้ผลิตเพื่อขายในประเทศในเดือนกันยายน 2566 มีสัดส่วนร้อยละ 36.56 เท่านั้น แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2566 ร้อยละ 8.92 จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม-กันยายน 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,385,971 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม-กันยายน 2565 ร้อยละ 1.61
“ที่น่าห่วงคือ สงครามอิสราเอล หากยืดเยื้ออาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกรถยนต์ของไทย ต้องติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด แม้ว่าขณะนี้ยังไม่ได้กระทบก็ตาม ปัจจุบันรถยนต์ส่งออกไปอิสราเอลเป็นอันดับหนึ่งของสินค้าทั้งหมดที่ส่งไปที่อิสราเอล โดยมีการส่งออกรถยนต์และส่วนประกอบอุปกรณ์ไปอิสราเอลปีที่แล้วมีมูลค่า 243.44 ล้านเหรียญสหรัฐ และ 8 เดือนแรกของปีนี้มีมูลค่า 124.42 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนราว 1% ของการส่งออกรวม ขณะที่การส่งออกไปยังตะวันออกกลางคิดเป็น 16% ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่อันดับ 3 ที่ไทยส่งออกรองจากตลาดเอเชียที่มีสัดส่วน 31% ออสเตรเลีย 28% ในปัจจุบัน” นายสุรพงษ์ กล่าวสรุป