ส่องทิศทางยานยนต์ยุคใหม่ “รถไฟฟ้า” ไม่ใช่เรื่องไกลตัว

ความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องที่ดี เพราะนั่นหมายถึงการพัฒนา ซึ่งเป็นผลจากความพยายามที่จะผลิตและคิดค้นสิ่งที่ดีกว่าเมื่อวาน เพื่อร่วมขับเคลื่อนวันข้างหน้าให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ การปรับตัวเพื่อสอดรับความเปลี่ยนแปลงก็เป็นแนวทางเพื่อการอยู่รอดในยุคสมัยใหม่ ลองถามตัวเองว่า ณ เวลานี้มีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน สำหรับยุคถัดไปของอุตสาหกรรมยานยนต์
วงการยานยนต์ก้าวเดินมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่การเปลี่ยนผ่านจาก “ยุคเครื่องจักรไอน้ำ” ก้าวเข้าสู่ “ยุคเครื่องยนต์” จนมาถึงช่วงรอยต่อที่โลกยานยนต์กำลังจะก้าวเข้าสู่ “ยุคพลังงานไฟฟ้า” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของวงการยานยนต์
“รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” หรือ “Electric Vehicle” อาจยังเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับหลายๆ คน เนื่องด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไปทั้งในเรื่องความรู้ความเข้าใจที่ยังไม่มากพอ ไล่เลียงไปจนถึงเรื่องราคาค่าตัวที่ยังค่อนข้างสูง และเกินที่จะเอื้อมถึง ส่งผลให้ความใส่ใจหรือการให้ความสำคัญนั้นยังอยู่ในระดับที่ต่ำ หากมองถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องในบางส่วนบนแผนที่โลกที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
ทว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ในดินแดนที่การให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องของ “ยานยนต์ไฟฟ้า” นั้น ยังอยู่ในวงแคบและเข้าถึงได้ค่อนข้างยาก หากเปรียบกับผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่ในแวดวงสื่อสารมวลชน หรือในวงวิชาการ ซึ่งมีโอกาสได้สัมผัส เรียนรู้ทำความเข้าใจถึงเรื่องเทคโนโลยีในวงการยานยนต์ที่กำลังก้าวเดินไปสู่ยุคถัดไปอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดีในปัจจุบันจำนวนผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเราได้เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งเป็นผลจากความเข้าใจที่ดีนับเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อ โดยส่วนใหญ่มีการรับรู้ถึงข้อแตกต่างของเทคโนโลยีขับเคลื่อนรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งแบ่งได้ 4 ประเภทคือ รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV), รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV), รถยนต์ไฟฟ้าปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) และรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV)
ขณะที่ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ก็เล็งเห็นความสำคัญถึงเรื่องดังกล่าว และมองว่าการเปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้และทำความรู้จักมากยิ่งขึ้นเป็นสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ นับว่าเป็นผลดีสำหรับผู้บริโภคกับมุมมองดังกล่าวซึ่งล้วนแล้วเป็นข้อเท็จจริง ถ้าใครสักคนหนึ่งจะตัดสินใจซื้อนั้น เป็นสเต็ปหลังจากที่ได้ทำความรู้จักรวมถึงได้เรียนรู้และได้ลอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายในปัจจุบันอย่างแน่นอน
โครงสร้างพื้นฐานที่จะเข้ามารองรับการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ที่ส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค และเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะผลักดันให้เกิดการใช้อย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น รวมถึงมาตรการเสริมต่างๆ จากภาครัฐที่จะเข้ามากระตุ้นการเลือกซื้อเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตของผู้บริโภค และกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชนด้วยเช่นกัน
จะมีสถานีชาร์จไฟรองรับเพียงพอมากน้อยเพียงใด เป็นคำถามอันดับต้นๆ สำหรับการก้าวไปสู่สังคมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างยั่งยืนในประเทศไทย ส่งผลให้มีการขยับตัวของภาครัฐและเอกชนซึ่งเป็นคำตอบสำหรับคำถามดังกล่าว โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนให้มากพอที่จะรองรับการใช้งานในอนาคต อย่างไรก็ดีในเบื้องต้นอาจจะยังไม่ครอบคลุมในทุกพื้นที่ แต่ก็นับว่าเป็นการก้าวเดินไปในทิศทางที่ดี
รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV) และรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) อาจจะเป็นสิ่งที่คุ้นหูและคุ้นตาที่สุดในตลาดรถยนต์เมืองไทย เนื่องด้วยความเหมาะสมในเรื่องการใช้งาน ที่ยังคงต้องพึ่งพาเครื่องยนต์สันดาปภายในอยู่ นั่นเพราะสถานีชาร์จแบตเตอรี่ยังไม่แพร่หลายและครอบคลุมมากพอ
อย่างไรก็ดีในปัจจุบันนี้บรรดาค่ายผู้ผลิตพร้อมเดินหน้านำยนตรกรรมใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดในบ้านเรา ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินมาตรการจากภาครัฐ ที่พร้อมจะผลักดันในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต รวมถึงภาคเอกชนที่มองเห็นความสำคัญ และโอกาสที่จะลงทุนเพื่อร่วมขับเคลื่อนและผลักดันให้มีการใช้ที่แพร่หมายมากยิ่งขึ้น
มาถึงบรรทัดนี้จะเห็นได้ว่า “รถยนต์ไฟฟ้า” ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ทั้งยังขยับเข้าใกล้เราอย่างต่อเนื่อง โดยรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ก็มีให้เห็นหนาตายิ่งขึ้น ทว่ายังคงติดในเรื่องของราคาที่ค่อนข้างสูง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค อันเป็นช่องทางให้ค่ายผู้ผลิตจากประเทศจีน รวมไปถึงค่ายรถหรู และผู้ผลิตสัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งมีจุดแข็งที่แตกต่างกันไป
“รถแท็กซี่ไฟฟ้า” อาจเคยวิ่งผ่านตาหรือได้รู้ได้เห็นผ่านการนำเสนอข่าวสารกันมาบ้างแล้ว นับเป็นอีกหนึ่งการขยับตัวที่น่าสนใจ และเป็นประโยชน์ในการทำความรู้จักและคุ้นเคย ซึ่งในหลายประเทศที่พัฒนาแล้วก็เริ่มต้นจากการใช้เป็นรถสาธารณะเช่นกัน ก่อนจะเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งบางประเทศนั้นแทบจะเป็นเมืองของรถยนต์ไฟฟ้าไปแล้วในปัจจุบัน
ไม่เว้นแม้แต่วงการความเร็วก็มีการขยับตัวด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น “ศึกเอฟวัน” ซึ่งแฟนความเร็วรู้จักกันเป็นอย่างดี โดยปัจจุบันหลายๆ ค่ายได้เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ไฮบริดลงทำการแข่งขันมาระยะหนึ่งแล้ว และพัฒนาไปถึงการแข่งขันรถสูตรที่ขับเคี่ยวด้วยเครื่องยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% อย่าง “ศึกฟอร์มูล่า-อี”
ฟากผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ก็ให้ความสำคัญและเริ่มขยับตัวทำตลาดแล้วเช่นกัน โดยในประเทศไทย ณ เวลานี้มีรถจักรยานยนต์ไฮบริด ขายอยู่ในท้องตลาดแล้วเช่นกัน ทว่ายังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้นส่งผลให้ความหลากหลายนั้นยังน้อย แต่มั่นใจได้ว่าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องแน่นอน และเมื่อมีการแข่งขันที่สูงขึ้นจะสวนทางด้วยราคาที่ต่ำลง นั่นหมายถึงโอกาสที่ดีสำหรับผู้บริโภคด้วยเช่นกัน
คำว่า “พลังงานสะอาด” ก็ถูกยกมาเป็นหนึ่งในสิ่งเร้าให้หันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้านั้น จะว่าผิดก็ยังไม่ใช่ จะว่าใช่ก็ยังไม่เชิง นั่นเพราะเพียงแค่ย้ายที่คายมลพิษจากท่อไอเสียไปไว้ที่โรงผลิตไฟฟ้าแทน นอกเสียจากจะเป็นการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานธรรมชาติ อย่างเช่น พลังความร้อน, พลังน้ำ หรือพลังลม เป็นต้น ถึงจะเรียกว่า “พลังงานสะอาด” ได้เต็มปากเต็มคำ