เมื่อปลายปีที่ผ่านมา วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้นำรถเอสยูวีเรือธงอย่าง VOLVO XC90 มาต่อยอด พัฒนารูปโฉมใหม่เป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2014 ซึ่งฉบับนี้ หนังสือพิมพ์ “ยวดยาน” จะพาไปส่องกล้อง ว่ามีจุดเปลี่ยนอะไรที่น่าสนใจ ไปติดตามกัน

ว่าด้วยในเรื่องของงานดีไซน์ของ NEW VOLVO XC90 โดยโฉมนี้จะเน้นการออกแบบที่ดูเรียบหรู ทันสมัยยิ่งขึ้น การปรับปรุงรายละเอียดต่างๆ เพิ่มความสดใหม่ให้ทัดเทียมคู่แข่งรอบโลกได้เป็นอย่างดี เริ่มที่การออกแบบด้านหน้าใหม่หมดจด แต่ยังคงเอกลักษณ์โคมไฟค้อน THOR ไว้อย่างเหนียวแน่น กระจังหน้าขยายขนาดเต็มพื้นที่ เชื่อมต่อกับไฟหน้าทั้งสอง  ขณะที่ช่องด้านข้างของกันชนเปลี่ยนไปใช้รูปทรงแนวตั้ง และติดตั้งช่องดักลมขนาดเรียวยาวที่ด้านล่าง  ขณะที่ด้านข้างยังคงไว้ซึ่งเส้นสายเหมือนเดิม ขณะที่ด้านท้ายมีการเปลี่ยนลวดลายไฟท้ายใหม่ โดยยังคงไว้ซึ่งรูปทรงของโคมไฟแบบเดิม

ขยับมาที่ในส่วนของภายใน วอลโว่ได้มีการปรับเปลี่ยนแปลงงานดีไซน์ภายในใหม่ ในรอบ 10 ปี โดยได้ถอดหน้าจอแนวตั้งขนาด 9 นิ้ว ออกไป และแทนที่ด้วยหน้าจอขนาด 11.2 นิ้ว  ที่มีความละเอียดและประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มความหนาแน่นพิกเซลของจอขึ้นอีก 21% ซึ่งจอนี้สามารถถือเป็นหัวใจหลักในการควบคุมต่างๆ ถูกรวบรวมไว้ที่จุดเดียว ไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลการขับขี่ ข้อมูลตัวรถ และข้อมูลการปรับโหมดการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า พร้อมด้วยการยกระดับคุณภาพของการเก็บเสียงรอบคัน และยังมีการออกแบบช่องแอร์ใหม่ ให้ดูหรู ล้ำสมัย และยังมีการเปลี่ยนวัสดุตกแต่งแผงประตูให้เป็นวัสดุที่นำมาจากวัสดุรีไซเคิล อีกทั้งยังเพิ่มช่องเก็บของที่บริเวณคอนโซลกลาง รวมไปถึงที่วางแก้วออกแบบใหม่ โดยยังมาพร้อมปุ่มหมุนควบคุมระดับเสียงของเครื่องเสียงอยู่เช่นเดิม พร้อมปุ่มไฟฉุกเฉินและระบบไล่ฝ้าอยู่ในตำแหน่งที่สะดวกต่อการใช้งาน ปิดท้ายด้วยแท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สายตำแหน่งใหม่ โดยจะไม่กินเนื้อที่ช่องว่างแก้วอีกต่อไป

ขุมพลัง VOLVO XC90 Recharge มาพร้อมกับระบบส่งกำลัง Drive-E powertrains ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ ซูเปอร์ชาร์จ ผสานพลังงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ปรับแต่งอัตราทดเน้นไปที่สมรรถนะด้านอัตราเร่งและการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องยนต์ 2 ลิตร เบนซินอัดเทอร์โบ และซูเปอร์ชาร์จ รวมกับกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้า XC90 Recharge มากถึง 460 แรงม้า อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) เพียงแค่ 55 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร วิ่งด้วยไฟจากแบตเตอรี่ไฮบริด ที่ป้อนให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า (Pure EV mode) ไกล 76 กิโลเมตร อัตราการประหยัดเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 43.5 กม./ลิตร แรงบิดจากเครื่องยนต์ 400 นิวตันเมตร แรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้า 309 แรงม้า รวม 709 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 5.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม.

ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ไวกิ้งคันนี้ ใช้การเสียบสายไฟเข้ากับเต้า 220 เพื่อชาร์จกระแสไฟฟ้าสำรองไว้ใช้ยามวิ่งด้วยความเร็วต่ำในเมือง การชาร์จไฟของ XC90 T8 Plug-in Hybrid ใช้เวลาเกือบ 5 ชั่วโมงสำหรับไฟบ้านทั่วๆ ไป เมื่อชาร์จจนไฟเต็มแบตเตอรี่ ในตอนเช้าก่อนที่คุณจะขับออกไปทำงานก็แค่ดึงสายชาร์จออก โดยกดปุ่มปลดล็อกที่กุญแจ พร้อมไฟฟ้าที่ใช้งานได้ประมาณ 60 กิโลเมตร

XC90 ยังมาพร้อมเทคโนโลยี City Safety และระบบการขับขี่กึ่งอัตโนมัติ ด้วย Pilot Assist ที่สามารถทำงานได้ที่ความเร็วสูงสุดถึง 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บนถนนที่มีเส้นแบ่งเลนชัดเจน นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์เชื่อมสัญญาณของ Volvo หรือ Sensus ที่แสดงข้อมูลบนหน้าจอระบบสัมผัสผ่านอินเตอร์เฟซ ที่รวมฟังก์ชันของรถ แอปพลิเคชันนำทางและความบันเทิงอื่นๆ ภายในรถ จอระบบสัมผัสแนวตั้งขนาด 9.0 นิ้ว ออกแบบฟังก์ชันให้ใช้งานได้ง่าย ทำให้การเข้าถึงฟังก์ชันและฟีเจอร์ต่างๆ ง่ายดายและรวดเร็วขึ้น

ความบันเทิงก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของรถยนต์รุ่นนี้ ด้วยการติดตั้งเครื่องเสียงระดับเทพ Premium Sound by Bowers & Wilkins เป็นชุดเครื่องเสียงสเตอริโอรอบทิศทางที่ดีที่สุดระบบหนึ่งในรถยนต์ Bowers & Wilkins กับแนวคิด Tweeter-on-top แยกทวีตเตอร์ออกจากส่วนอื่นๆ  ของลำโพงพื้นฐาน เพิ่มความคมชัดโดยรวมของระบบเสียง ทำให้ได้เสียงที่มีรายละเอียดมากขึ้น  มีความสมจริงยิ่งขึ้น หลังจาก 8 ปีของการพัฒนา Continuum® cone ในด้านประสิทธิภาพของเสียงกลาง ความถูกต้องและแม่นยำในการสร้างเสียงจากเครื่องดนตรีที่กระจายไปทั่วทั้งห้องโดยสารอย่างสมดุล Premium Sound ของ Bowers & Wilkins มีกำลังขับ 1400 วัตต์ ลำโพง 19 ตำแหน่ง พร้อม subwoofer ปรับแต่งโหมดการรับฟังได้ 4 ระดับ คือ Concert, Studio, Stage และ Jazz Club

ภาพรวมของ NEW VOLVO XC90 คันนี้ จะมุ่งเน้นไปที่ความเรียบหรู ทันสมัย และถูกออกแบบมาให้สำหรับขับขี่บนทางไกล ที่เน้นให้ความนุ่มนวลชวนสบาย ด้วยระบบช่วงล่าง Air Suspension เน้นซับรับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยมในทุกเส้นทาง การควบคุมก็ทำได้อย่างคล่องตัว ถึงแม้ว่าตัวรถจะมีขนาดใหญ่ ฟังก์ชันอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมีการจัดสรรมาได้อย่างเหมาะสมลงตัว สะท้อนตัวตนของรถเอสยูวีสายพันธุ์สแกนดิเนเวียนได้อย่างแท้จริง