ส่องกล้อง By Oil MAZDA CX-5 ราคาคุ้มค่า เหนือกว่าที่สมรรถนะ

มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ขยับตัวเพิ่มความสดใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์ ในฐานะหนึ่งในรถยนต์อเนกประสงค์ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค นับตั้งแต่เปิดตัวในตลาดประเทศไทยในปี 2013 และมีส่วนสำคัญในการสร้างการเติบโตให้กับต้นสังกัด ก่อนที่เจเนอเรชันที่ 2 จะเข้ามาสานต่อความนิยมในปี 2017 และสร้างภาพจำให้กับผู้บริโภคทั้งในเรื่องรูปโฉมที่โดดเด่น และสมรรถนะการใช้งานที่ตอบโจทย์ในยุคปัจจุบัน
ด้วยทิศทางขอองตลาดบวกกับกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ลดจำนวนรุ่นย่อยเหลือเพียง 3 รุ่น ล็อกกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ตอบสนองความต้องการด้วยขุมพลังเบนซิน ในตัวเริ่มต้นและตัวกลาง ส่วนในรุ่นท็อป มาภายใต้เครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งเป็นทางเลือกที่ “หนังสือพิมพ์ยวดยาน” นำมาไล่เรียงในลองขับฉบับนี้
เวอร์ชันล่าสุดของ มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ชูสมรรถนะและความโดดเด่นของเทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ตอบสนองการใช้งานด้วยขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายใน มีให้เลือกใช้ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล โดยมองว่ายังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ด้วยความโดดเด่นทั้งในเรื่องพละกำลัง รวมถึงอัตราบริโภคเชื้อเพลิงที่ยอดเยี่ยม
ซึ่งทางเลือกของเราในขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล SKYACTIVE-D ขนาด 2.2 ลิตร มาพร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน 2 ขั้น รีดพละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า สร้างแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ผ่านการรับรองมาตรฐานการปล่อยไอเสียระดับ Euro 5 ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อัตโนมัติ i-ACTIV AWD มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 15.9 กิโลเมตร/ลิตร
รูปลักษณ์ภายนอกของ Mazda CX-5 รุ่นไมเนอร์เชนจ์ มีการปรับรายละเอียดด้านหน้าและด้านท้าย ส่วนดีไซน์ตัวถังยังคงเดิมทั้งหมด ติดตั้งไฟหน้าแบบ LED Signature ที่ออกแบบไฟส่องสว่างเวลากลางวันเป็นรูปตัว L ซ้อนกัน มีระบบเปิด-ปิด อัตโนมัติ และปรับระดับสูง-ต่ำ อัตโนมัติตามน้ำหนักบรรทุก กระจังหน้ามีการปรับรายละเอียดกรอบโครเมียม พร้อมกันชนหน้าที่เน้นความมินิมอลคล้ายกับ Mazda3 และ CX-30 รุ่นปัจจุบัน โดยที่รุ่น XDL จะมีการตกแต่งส่วนล่างของกันชนและซุ้มล้อด้วยสีเดียวกับตัวรถ ทำให้ภาพรวมดูมีความพรีเมียม แตกต่างจากรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร
ส่วนด้านท้าย มีการปรับดีไซน์ไฟท้ายให้ดูกลมกลืนกับไฟหน้า พร้อมกันชนท้ายดีไซน์ใหม่ ทุกรุ่นย่อยได้ประตูท้ายแบบไฟฟ้า ที่เพิ่มเติมด้วยฟังก์ชัน Hand Free Power Lift Gate สามารถสอดเท้าบริเวณใต้กันชนเพื่อเปิดและปิดประตูท้ายได้ ล้ออัลลอยของรุ่น 2.0 S เป็นขนาด 17 นิ้ว รุ่น 2.0 SP และ XDL จะได้ล้อขนาด 19 นิ้ว ลายใหม่ทั้งหมด
ยกระดับภายในห้องโดยสารด้วยเบาะหนัง Nappa สี Deep Red แผงแดชบอร์ดโดดเด่นด้วยวัสดุตกแต่ง Real Wood ให้ผิวสัมผัสที่เป็นธรรมชาติ เพิ่มความพรีเมียมด้วยวัสดุสีเงินซาตินโครม สปอร์ตดุดันด้วยเพดานหลังคาสีดำ มาพร้อมหลังคาซันรูฟ เปิด-ปิด ด้วยไฟฟ้า
เติมเต็มการใช้งานด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยที่ครบครันตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ระบบช่วงล่างได้รับการปรับปรุงใหม่ เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวถังด้วยการเสริมคานด้านล่างของห้องโดยสารตอนหลัง เพิ่มความนุ่มสบายให้กับการใช้งาน รวมถึงเปลี่ยนโช้คอัพและสปริงใหม่ ลดแรงสะเทือนและเสียงจากภายนอก ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจและสะดวกสบาย
แรงบิดที่ตอบสนองคันเร่งได้ทันท่วงที ซึ่งเป็นจุดเด่นของเครื่องยนต์ดีเซล สร้างความน่าสนใจและเป็นจุดแข็ง รวมถึงภายใต้บอดี้ของ MAZDA CX-5 ด้วยเช่นกัน เพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับการใช้งาน บวกกับความพรีเมียมภายในห้องโดยสาร เสริมความโดดเด่นและน่าสนใจขึ้นอีกระดับ
โดยส่วนตัวแล้ว MAZDA CX-5 ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งสามารถตอบโจทย์ทั้งในเรื่องรูปโฉมและสมรรถนะการใช้งานในแบบฉบับของรถยนต์อเนกประสงค์ในยุคปัจจุบัน หากเป็นแฟนมาสด้าอยู่แล้ว คงตัดสินใจได้ไม่ยาก หากแต่เป็นลูกค้ารายใหม่อาจลังเลในเรื่องราคาค่าตัว ในช่วงเวลาที่รถอเนกประสงค์มีให้เลือกใช้เกลื่อนตลาดในยุคปัจจุบัน