ส่องกล้อง By Oil AION V 602 LUXURY รถอเนกประสงค์เพื่อครอบครัวยุคใหม่

ด้วยทางเลือกในตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ด้วยทัพยานยนต์พลังงานไฟฟ้าจากค่ายผู้ผลิตสัญชาติจีน ที่กระโดดร่วมวงบีอีวี ด้วยรถรุ่นใหม่ๆ สร้างโอกาสชิงส่วนแบ่งในตลาด ภายใต้ความโดดเด่นที่แตกต่างกันไป รวมถึง AION ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ AION และ HYPTEC ในตลาดประเทศไทย โดยในปัจจุบันมีทั้งสิ้น 5 รุ่นย่อย
โดย AION V 602 LUXURY คือทางเลือกที่ “หลังสือพิมพ์ยวดยาน” ส่องกล้องถึงในฉบับนี้ ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดภายใต้แบรนด์ AION ต่อจาก AION Y Plus และ AION ES ขณะที่ HYPTEC ซึ่งยกระดับสมรรถนะขึ้นไปอีกขั้น มีให้เลือกใช้ 2 รุ่น ได้แก่ HYPTEC HT และ HYPTEC SSR
สำหรับรูปร่างหน้าตาของ AION V มาภายใต้รูปโฉมของรถยนต์อเนกประสงค์ในยุคปัจจุบัน โฉบเฉี่ยวทันสมัย ทั้งยังโดดเด่นด้วยความกว้างขวางภายในห้องโดยสาร ที่ถูกวางไว้ระหว่างบี-เอสยูวี และ ซี-เอสยูวี สร้างโอกาสชิงยอดขายในตลาดรถอเนกประสงค์
ได้รับการพัฒนาภายใต้แพลตฟอร์ม AEP 3.0 (AION Electric Platform 3.0) โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ Active เติมเต็มความทันสมัยด้วย ไฟหน้า LED และ Daytime Running Lights แบบ LED รวมถึงมือเปิดประตูแบบซ่อนตามสมัยนิยม มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว และราวหลังคาเพื่อการใช้งานที่ครบครันยิ่งขึ้น

ภายในห้องโดยสารมาในโทนสีดำ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มด้วยหนัง สร้างความแตกต่างด้วยตู้เย็นคอนโซลกลาง ขนาดความจุ 6.6 ลิตร มาพร้อมระบบการใช้งาน 3 โหมด (อุ่น-เย็น-ฟรีซ) ทำความเย็น-ความร้อนด้วยอุณหภูมิ -15°C ถึง 50° ทั้งยังสามารถควบคุมตู้เย็น ผ่านหน้าจอ OBU, คำสั่งเสียง, แผงควบคุม และ Application
ทันสมัย ใช้งานได้สะดวกด้วยหน้าจอกลางระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 14.6 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay แบบเสียบสาย มาพร้อมระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth และระบบนำทาง Navigation System แผนที่ของ Here รองรับสถานีชาร์จไฟ แสดงผล 3 มิติ เติมเต็มด้วยที่ชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย และช่องชาร์จไฟ 12V พร้อมด้วยช่องเชื่อมต่อ USB Type A 2 ตำแหน่ง และ USB Type C 1 ตำแหน่ง
ตอบสนองคันเร่งด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 1 ตัว พละกำลังสูงสุด 224 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 240 นิวตันเมตร มาพร้อม Magazine Battery Lithium-ion (LFP) 3C ขนาดความจุ 75.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 602 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟฟ้าเต็มหนึ่งครั้ง และทำความเร็วได้สูงสุด 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง รองรับหัวชาร์จ Type 2 / CCS Combo
โดยกระแสสลับ AC รองรับได้สูงสุด 7 กิโลวัตต์ ส่วนกระแสตรง DC Fast Charging รองรับสูงสุด 180 กิโลวัตต์ ชาร์จจาก 30-80% ในเวลา 16 นาที ตามยุคสมัย ด้วยระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก V2L ที่ปล่อยไฟได้สูงถึง 3.3 กิโลวัตต์
ไล่เลียงในเรื่องรูปร่างหน้าตา ก็ว่ากันไปตามความชอบของใครก็ของมัน โดยส่วนตัวมองว่ามีความโดดเด่นและอยู่ในมาตรฐานของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในปัจจุบัน รวมถึงภายในห้องโดยสารที่ดูเรียบหรู ทว่ายังมีวัสดุที่ขัดใจบ้างในบางส่วน แต่โดยภาพรวมก็มีความโดดเด่นน่าสนใจ ขณะที่ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสารก็อยู่ในระดับที่น่าพอใจ
ในเรื่องของสมรรถนะการใช้งาน ด้วยระยะทางที่วิ่งได้ไกลกว่า 600 กิโลเมตร เพียงพอต่อการใช้งานในระดับหนึ่ง ออกทริปเดินทางได้สบายใจ ทั้งยังมีความคล่องตัวและความอเนกประสงค์ ตอบโจทย์การใช้งานในแบบฉบับวิถีคนเมืองได้เป็นอย่างดี ถ้าจะมีตะขิดตะขวงใจก็แค่เรื่องบริการหลังการขาย ที่อาจจะยังไม่ครอบคลุมการใช้งาน ซึ่งเป็นโจทย์หลักของผู้เล่นใหม่ๆ ในตลาดปัจจุบัน











