ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) อวดยอดขายสะสม 5 เดือนแรกของปี เติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า 11.74% หลังเก็บเกี่ยวยอดจองไปมากกว่า 9,700 คัน นำทัพโดย ซูซูกิ สวิฟท์ สปอร์ตอีโคคาร์ที่ครองสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่ง พร้อมเดินหน้าสานต่อความสำเร็จด้วย NEW SUZUKI SWIFT GL PLUS ไล่ล่าเป้าหมาย 30,000 คันในปีนี้

            ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์เดินไปในทิศทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ส่งผลให้บรรดาค่ายผู้ผลิตเดินหน้าเก็บเกี่ยวยอดขายได้มากกว่าช่วงที่ผ่านมา หลังโดนวิกฤติโควิดเล่นงานอย่างหนักในช่วงเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งแต่ละค่ายเดินหน้าเสริมไลน์อัปสร้างโอกาสเก็บเกี่ยวยอดขายด้วยรถรุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคครบครันทุกเซ็กเมนต์

โดย ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) เป็นหนึ่งในค่ายผู้ผลิตที่มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นหลังผ่าน 5 เดือนแรกของปี ด้วยยอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 9,710 คัน เพิ่มขึ้น 11.74% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา นำทัพโดย ซูซูกิ สวิฟท์ ที่มียอดจำหน่าย 4,026 คัน รองลงมาได้แก่ ซูซูกิ เซเลริโอ ด้วยยอดจำหน่าย 2,204 คัน ขณะที่ ซูซูกิ แครี่ เก็บเกี่ยวยอดขายไปได้ทั้งสิ้น 1,433 คัน และเป็นยอดขายของรุ่นอื่นๆ รวมกันอยู่ที่ 2,047 คัน

มร.มิโนรุ อามาโนะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงตลาดรถยนต์ว่า “นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565 ที่ผ่านมา หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มผ่อนคลายลง ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยเริ่มกลับมามีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น แม้จะยังคงได้รับผลกระทบจากสภาวะซบเซาของเศรษฐกิจภายในประเทศ  ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น กลุ่มผู้บริโภคชะลอการจับจ่ายใช้สอย รวมถึงวิกฤติการขาดแคลนชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บางชนิด ทำให้ผู้ผลิตไม่สามารถส่งมอบรถยนต์ทันตามความต้องการของลูกค้า ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ยังมียอดจำหน่ายอยู่ที่ 359,351 คัน”

จากทิศทางที่ยอดเยี่ยม ส่งผลให้ ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ขยับตัวสร้างโอกาสเก็บเกี่ยวยอดขายด้วย ซูซูกิ เอ็กซ์แอล7 รุ่นปรับ ภายใต้รูปโฉมที่สปอร์ตยิ่งขึ้น พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคที่ค่าน้ำมันแพงด้วย ซูซูกิ สวิฟท์ จีแอล พลัส ใหม่ สานต่อความนิยมของสปอร์ตอีโคคาร์ในตลาดประเทศไทย

นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ท่ามกลางวิกฤติหลายด้าน ทั้งสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวจากการแพร่ระบาดของโรคร้าย วิกฤติราคาน้ำมันที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไปจนถึงการแข่งขันอันรุนแรงของตลาดรถยนต์ในประเทศไทย ทว่า ยอดจำหน่ายรถยนต์ของซูซูกิมี อัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้น”

“ปัจจัยสำคัญมาจากการที่ผู้บริโภคมีพฤติกรรมการวางแผนทางการเงินที่รัดกุมขึ้น พร้อมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอย เลือกใช้เฉพาะสิ่งที่จำเป็นและเน้นความคุ้มค่า คุ้มราคามากขึ้น ฉะนั้น การเลือกซื้อรถยนต์คันใหม่จึงใช้เวลาในการตัดสินใจอย่างรอบคอบ ซึ่งผู้บริโภคจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ผลิตภัณฑ์จากซูซูกิหลากหลายรุ่นเข้ามาตอบรับความต้องการได้อย่างเหมาะสมในสภาวการณ์เช่นนี้”

สำหรับ NEW SUZUKI SWIFT GL PLUS รุ่นตกแต่งพิเศษ มาภายใต้แนวคิด Limitless Edition พัฒนามาจากรุ่น SUZUKI SWIFT GL ด้วยชุดแต่งดีไซน์ใหม่ ชุดสเกิร์ตรอบคันพร้อมด้วยสปอยเลอร์หลังเติมเต็มความสปอร์ตให้มากขึ้น เสาอากาศครีบฉลาม ซุ้มล้อสีดำ บ่งบอกถึงความพิเศษและเป็นเอกลักษณ์ด้วยชุดสติกเกอร์ GL PLUS ลายใหม่ ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์อันโดดเด่น สปอร์ต ปราดเปรียว ด้วยกระจังหน้าสีดำตกแต่งลายเส้นโครเมียม ไฟหน้าแบบฮาโลเจนมัลติรีเฟลกเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED บริเวณกันชนหน้ารถ พร้อมไล่ฝ้ากระจกหลัง

ภายในตัวรถทันสมัย ตกแต่งด้วยวัสดุสีเงินสไตล์สปอร์ต กว้างสบาย รองรับการใช้งานได้หลากหลาย พร้อมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชันทรง D-Shape เพิ่มพื้นที่วางขาและปรับระดับได้ 4 ทิศทาง เบาะนั่งโอบกระชับสรีระผู้ขับขี่ ให้รู้สึกสบายตลอดการเดินทาง ที่นั่งคู่หน้าปรับตำแหน่งสูง-ต่ำบริเวณคนขับ พร้อมพนักพิงศีรษะแยกส่วน สำหรับที่นั่งด้านหลังสามารถปรับพับแบบ 60:40 พร้อมพนักพิงศีรษะแบบแยกส่วน 3 ตำแหน่ง รองรับทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระขนาด 265 ลิตร

ตอบสนองการใช้งานด้วยเครื่องยนต์รหัส K12M แบบเบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร หัวฉีดคู่หรือ DUALJET ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ด้วยกำลังสูงสุด 83 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงประเภท E20 ประหยัดเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยกว่า 23 กิโลเมตร/ลิตร

ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ด้วยแพลตฟอร์ม HEARTECT ที่เป็นเทคโนโลยีเฉพาะของซูซูกิ เพื่อช่วยเสริมให้รถมีน้ำหนักน้อยลง แต่คงความแข็งแกร่งและประหยัดน้ำมันมากขึ้น  รวมถึงโครงสร้างตัวถังแบบ TECT ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตัวรถ พร้อมระบบ NVH ช่วยกันการสั่นสะเทือน และลดเสียงรบกวนจากภายนอก

พร้อมระบบ TCS ช่วยในการควบคุมรถขณะขับขี่บนถนนลื่นหรือในทางโค้ง พร้อมระบบเบรก ABS และ EBD ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และยังเหมาะกับการขับในเมืองด้วยระบบ Idling Stop ที่ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันขณะรถหยุดนิ่ง ขับขี่อย่างมั่นใจในทุกเส้นทางด้วยระบบ Hill Hold Control ที่ช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน ปลอดภัยมากขึ้นด้วยถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า พร้อมคานกันกระแทกด้านข้าง อีกทั้งระบบล็อกนิรภัยป้องกันเด็กเปิดประตูหลัง และจุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก 2 ตำแหน่ง

โดยมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีแดง Ablaze Red Pearl, สีน้ำเงิน Speedy Blue Metallic, สีเทา Star Silver Metallic, สีเทา Mineral Gray Metallic, สีดำ Super Black Pearl จำหน่ายในราคา 572,000 บาท และสีขาว Pure White Pearl จำหน่ายในราคา 577,000 บาท