“วอลโว่” ล็อกคิว “บีอีวี” เปิดตัว 2 รุ่นเติมไลน์อัป
วอลโว่ ประกาศแนวการดำเนินธุรกิจตลาดรถยนต์ในประเทศไทย ภายในอีก 2 ปีข้างหน้า เตรียมรุกขายยานยนต์ไฟฟ้าเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เร็วกว่าบริษัทแม่และยุโรปถึง 5 ปี พร้อมส่งรถอีวี 2 รุ่นใหม่ ทำตลาดในประเทศไทยภายในปีนี้
หลังประสบความสำเร็จตามเป้าหมายในการทำตลาดรถอีวี ของวอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) ด้วยรถยนต์เอสยูวีไฟฟ้า ทั้ง 2 รุ่น ประกอบไปด้วย XC40 Pure Electric และ C40 Pure Electric ซึ่งในปีที่ผ่านมา วอลโว่ มีการเติบโตของยอดขายถึง 71% จากปีก่อน โดยรถยนต์ไฟฟ้าเป็นปัจจัยหลักที่มีสัดส่วนของยอดขายสูงถึง 50% เติบโต 190% ส่วนอัตราเติบโตของรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด นั้น เติบโต 24%
ล่าสุด นายคริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงแผนธุรกิจของบริษัทฯ ในอีก 2 ปีข้างหน้าว่า วอลโว่ วางแผนเตรียมปรับไลน์อัปผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมด โดยในปี 2568 จะยุติการจำหน่ายรถปลั๊ก-อินไฮบริด (PHEV) และเปลี่ยนมาจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) เพียงอย่างเดียว ซึ่งเร็วกว่าแผนของบริษัทแม่ถึง 5 ปี
“การที่เราตัดสินใจประกาศยุติการขายรถ PHEV และขายแต่ BEV เพียงอย่างเดียว ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก แต่มั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จได้ เนื่องจากคนไทยมีการรับรู้และเชื่อมั่นในการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากกว่าคนในยุโรป ทั้งที่ไม่มีกฎหมายบังคับ โดยในปีนี้จะมีรถ BEV รุ่นใหม่เปิดตัว 2 รุ่น” นายคริส กล่าว
โดยรถรุ่นแรก คือ EX90 จะเป็นการนำเข้าจากประเทศจีน คาดจะเปิดตัวในตลาดประเทศไทยในเร็วๆ นี้ ขณะที่อีกหนึ่งรุ่นยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในตลาดโลก
ทั้งนี้ วอลโว่ ยังคงมุ่งเน้นและให้ความสำคัญสำหรับผู้ใช้งานรถยนต์วอลโว่ในปัจจุบัน ทั้งรถยนต์เครื่องยนต์เบนซิน, ดีเซล และปลั๊ก-อิน ไฮบริด จะยังคงได้รับการบริการและดูแลเหมือนเช่นเดิม ตามมาตรฐานของวอลโว่ ที่มีการสำรองอะไหล่ทุกชิ้นเป็นระยะเวลา 20 ปี หลังยุติการทำตลาด โดยในประเทศไทยมีคลังอะไหล่ขนาดใหญ่และมีชิ้นส่วนมากกว่า 20,000 ชนิด
ส่วนแผนการขยายเครือข่ายตัวแทนผู้จำหน่ายเพื่อเตรียมความพร้อมและรองรับการเติบโตของวอลโว่ ในอนาคตนั้น บริษัทจะยังคงจำนวนดีลเลอร์ไว้ที่ 12 ราย มีโชว์รูม 15 แห่ง แบ่งเป็นพื้นที่กรุงเทพฯ 10 แห่ง และต่างจังหวัด 5 แห่ง และมีศูนย์ซ่อมสีและตัวถังรวมถึงคลังอะไหล่จำนวน 2 แห่ง พร้อมเพิ่มโมบายเซอร์วิส เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าซึ่งคาดว่าจะเริ่มมีความชัดเจนภายในปีนี้อย่างเเน่นอน
“ส่วนการคาดการณ์ตลาดรถยนต์พรีเมียมในประเทศในปีนี้ จะกลับมาเติบโตขึ้นอีกครั้ง จากปัจจัยภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่มีการปรับตัวที่ดีขึ้น รวมไปถึงการฟื้นตัวของชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ รวมถึงประชาชนเริ่มออกมาจับจ่ายใช้สอยทำให้เม็ดเงินในประเทศกลับมาเดินสะพัด” นายคริส ทิ้งท้าย