“ลามิน่า” เดินหน้าขยายไลน์ฟิล์ม มุ่งตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ใช้
“ลามิน่า” ตอบรับความต้องการของผู้บริโภคยานยนต์ยุคใหม่ ส่งฟิล์มกรองแสง ‘Lamina Power Sunroof’ ที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับการติดตั้งให้ซันรูฟโดยเฉพาะ พร้อมขยายไลน์ฟิล์มกรองแสงดิจิทัลบูสต์เพิ่ม 4 ซีรีส์ ครอบคลุมความต้องการลูกค้ารอบด้าน เพื่อรักษาสัดส่วนการตลาดให้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
นางสาวจันทร์นภา สายสมร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์และอาคาร “ลามิน่า” ฟิล์มกลุ่มพิเศษคุณภาพสูง “ลูมาร์” ผลิตโดย อีสท์แมน เพอร์ฟอร์แมนซ์ฟิล์ม สหรัฐอเมริกา และอุปกรณ์บรรทุกสัมภาระ “ธูเล่” จากประเทศสวีเดน รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์ครบวงจร “แอลลักซ์” คุณภาพเยี่ยมจากสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เผยว่า “ที่ผ่านมา บริษัทได้เดินหน้าขยายไลน์สินค้ารุ่นใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคชาวไทยที่มีอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของรถยนต์ ที่มีการนำระบบอัจฉริยะต่างๆ เข้ามาใช้งานกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้ฟิล์มกรองแสงเองก็ต้องปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่ง “ลามิน่า” ได้เปิดตัวสินค้าในกลุ่ม Lamina Digital Boost เป็นรายแรกของประเทศไทยมาก่อนหน้านี้ และในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 ที่ผานมา บริษัทได้เปิดตัวสินค้าใหม่ที่เป็นที่ต้องการของตลาดรถยนต์ เนื่องจากรถยนต์รุ่นใหม่ๆ มีการใช้งานหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ หรือหลังคากระจกกลาสรูฟกันมากขึ้น โรงงานผู้ผลิตได้ตัดสินใจพัฒนาฟิล์มกรองแสงที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการใช้งานในส่วนของหลังคากระจกโดยเฉพาะ และเป็นครั้งแรกที่มีการเปิดตัวฟิล์มกรองแสงสำหรับซันรูฟ Lamina Power Sunroof ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
นางสาวจันทร์นภา เผยอีกว่า “สำหรับฟิล์มกรองแสงสำหรับซันรูฟในตระกูล Lamina Power Sunroof เป็นฟิล์มกรองแสงกันร้อนสูง มาพร้อมนวัตกรรมรูปแบบใหม่สำหรับการติดตั้งบนซันรูฟหรือกลาสรูฟโดยเฉพาะ คุณสมบัติเนื้อฟิล์มชนิดพิเศษ Power NanoPlus ที่ออกแบบมาให้ฟิล์มมีความสามารถในการกันร้อนสูง ป้องกันยูวีได้สูงสุด มีความเข้มให้เลือกหลากหลาย และเหนือกว่าด้วยความแข็งแกร่งและทนทาน พร้อมการรับประกันยาวนานสูงสุด 7 ปีหลังการติดตั้ง”
ที่ผ่านมา ลูกค้าที่ใช้รถยนต์ที่ใช้หลังคากระจกรูปแบบต่างๆ สามารถเลือกติดตั้งฟิล์มกรองแสงรถยนต์บนหลังคาเหล่านี้ได้ และลามิน่าต้องการตอบสนองความต้องการเฉพาะด้าน จึงได้นำเข้านวัตกรรม Lamina Power Sunroof เข้ามาทำตลาดเป็นทางเลือกใหม่ให้กับลูกค้า เพราะรถยนต์ที่ใช้หลังคากระจกจะมีพื้นที่รับแสงแดดและความร้อนมากกว่าปกติ หากไม่ได้ติดตั้งฟิล์มกรองแสงที่กันความร้อนและยูวีได้ดี ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งาน
นอกจากคุณสมบัติด้านการกันความร้อนและกันยูวีแล้ว ฟิล์มกรองแสงสำหรับซันรูฟโดยเฉพาะนี้ ยังมีรุ่น Power Plus Protection ฟิล์มนิรภัยที่มีความแกร่งเป็นพิเศษ ด้วยเนื้อฟิล์มที่มีความหนาและเหนียวสูงสุดถึง 4 มิล (100 ไมครอน) ซึ่งหนากว่าฟิล์มกรองแสงทั่วไปที่หนา 1.5 มิล (37.5 ไมครอน) จึงช่วยปกป้องการแตกกระจายของกระจกซันรูฟ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือมีวัสดุตกใส่หลังคา ปกป้องผู้โดยสารและผู้ขับขี่ให้มีความปลอดภัยในการใช้รถยนต์เหล่านี้อย่างสูงสุด
ฟิล์มกรองแสง Lamina Power Sunroof มาพร้อมความทนทานที่ยอดเยี่ยม มีอายุการใช้งานยาวนาน แม้จะต้องเผชิญกับภาวะแสดงแดดจัดหรือรังแสงยูวีที่เข้มข้น ไม่น้อยกว่า 6-8 ชั่วโมงต่อวัน ก็จะไม่แห้งกรอบ หลุดลอก แตกหรือเป็นฟองอากาศ ซึ่งบริษัทจะรับประกันคุณภาพสินค้าทั้งแบบ 1 ตอน 2 ตอน หรือหลังคากระจกยาวนานสูงสุด 7 ปีเต็ม โดยมีราคาเริ่มต้นพร้อมติดตั้งที่ 4,000 บาท
นอกจากฟิล์มสำหรับหลังคากระจกแล้ว ในปีนี้ ลามิน่าได้ต่อยอดการทำตลาดฟิล์มกรองแสงเทคโนโลยีดิจิทัลบูสต์ ด้วยการพัฒนาสินค้าเพิ่มอีก 4 ซีรีส์ ประกอบด้วย Lamina Digital Special Boost, Lamina Digital Executive Boost, Lamina Digital Genius Boost และ Lamina Digital POP Boost
สำหรับภาพรวมของธุรกิจฟิล์มกรองแสงรถยนต์ในประเทศไทยปีนี้ น่าจะเห็นการชะลอตัวของธุรกิจต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการหดตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังขยายตัวไม่เต็มที่ การท่องเที่ยวที่ยังไม่เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ ขณะเดียวกัน อัตราหนี้ครัวเรือนก็ยังอยู่ในระดับสูง และผู้ประกอบการไฟแนนซ์ ก็ยังมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะกลุ่มรถเชิงพาณิชย์
“ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ตลาดรถยนต์รวมหดตัวลงไปราว 7% โดยตลาดรถปิกอัพหดตัวไป 25.7% ขณะที่ตลาดรถยนต์นั่งได้อานิสงส์จากรถยนต์ไฟฟ้าเติบโตอยู่ที่ 10% ซึ่งมีการประเมินว่าตลาดรถยนต์รวมในประเทศไทยปีนี้น่าจะอยู่ที่ 8 แสนคัน หดตัวลงไป 6% จากปีที่ผ่านมา ขณะที่ธุรกิจฟิล์มกรองแสงโดยรวมน่าจะหดตัวที่ 5% แต่ลามิน่าจะยังคงรักษาสัดส่วนการตลาดโดยมียอดจำหน่ายใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาที่ 730 ล้านบาท ในปีนี้” นางสาวจันทร์นภา กล่าวสรุป