ลองขับ VOLVO XC40 Recharge Pure Electric อเนกประสงค์ เทคโนโลยีล้ำ ขับขี่คล่องตัว

หากจะเอ่ยถึงรถยนต์หรูจากสแกนดิเนเวียน ก็คงจะนึกถึงวอลโว่ ที่ขึ้นชื่อเรื่องของเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยต่างๆ ของรถยนต์สุดหรูจากประเทศสวีเดน ซึ่งจากนโยบายที่ค่ายรถยนต์วอลโว่ ได้ประกาศในการเดินหน้าสู่การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า Pure Electric อย่างเต็มรูปแบบ
ล่าสุดจากการเปิดตัว VOLVO XC40 Recharge Pure Electric รถรุ่นแรกในตระกูลคอมแพ็คเอสยูวี ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าแบบ 100% ตั้งแต่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ที่ผ่านมา วันนี้ทีมงานยอดยานได้มีโอกาสตบเท้าเข้าร่วมทดสอบสมรรถนะของยานยนต์ไฟฟ้าที่ไปได้มากกว่า และมาพร้อมระบบความปลอดภัยเหนือชั้นไปอีกขั้น
ครั้งนี้วอลโว่ได้จัดกิจกรรม VOLVO DRIVING EXPERIENCE ภายใต้คอนเซปต์ “Volvo Recharge The Drive In You” เพื่อให้สื่อมวลชนและลูกค้าได้สัมผัสถึงสุดยอดยนตรกรรมหลากหลายรุ่นของวอลโว่ อาทิ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด รวมไปถึง รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% อย่าง VOLVO XC40 Recharge Pure Electric โดยใช้สนามปทุมธานี สปีดเวย์ เป็นสถานที่ทดสอบด้วยกันทั้งสิ้น 7 สถานี เพื่อจำลองสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในการใช้รถในชีวิตประจำวัน
จั่วหัวกับสถานีแรก ในรูปแบบของ “สลาลอม” เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมพวงมาลัยได้อย่างแม่นยำ ในกรณีที่ต้องหักหลบสิ่งกีดขวางที่อยู่ข้างหน้า ซึ่งจากการทดสอบปรากฏว่า ตัวรถสามารถตอบสนองได้เป็นอย่างดี ควบคุมง่าย พวงมาลัยมีความแม่นยำ
ก่อนจะมาต่อกับสถานีถัดมา กับการทดสอบในเรื่องของอัตรเร่ง ซึ่งเจ้า XC 40 Recharge Pure Electric ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยแรงบิดขนาด 660 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ ยิ่งทำให้การออกตัวและเร่งความเร็วสามารถทำได้อย่างดีเยี่ยม เรียกได้ว่าหลังติดเบาะกันเลยทีเดียว และอีกหนึ่งจุดเด่นก็คือ ระบบ One Pedal Drive ซึ่งเป็นการใช้แป้นคันเร่งแป้นเดียวในการเร่งความเร็วและชะลอความเร็ว โดยอาศัยระบบไฟฟ้าเข้ามาช่วยหน่วง ยิ่งถ้ามาด้วยความเร็วต่ำหรือในทางลาดชัน แทบไม่จำเป็นต้องเหยียบแป้นเบรกเลย เป็นระบบที่น่าสนใจและเหมาะที่จะใช้ในเมืองในยามรถติด
เข้าสู่สถานีทดสอบถัดมา ด้วยการเบรกพร้อมหักหลบสิ่งกีดขวาง บอกได้เลยว่าสถานีนี้จะได้ทดสอบในเรื่องของระบบเบรกและการทรงตัวของรถ โดยเริ่มจากการกดคันเร่งเต็มที่ ก่อนชะลอ และเมื่อพบกับอุปสรรคข้างหน้าให้กดเบรกเต็มที่ พร้อมหักเลี้ยวพวงมาลัยเพื่อหลบสิ่งกีดขวางให้ทัน และจากการทดสอบปรากฏว่า ตัวรถแทบจะไม่มีอาการเสียทรงให้เห็นเลย แถมระยะในการเบรกก็ทำได้สั้นมากๆ ไม่มีอาการแถหรือแสดงอาการอื่นๆ ออกมาให้เห็นเลย ถือว่าสอบผ่านในเรื่องของระบบความปลอดภัยที่รถยนต์รุ่นนี้มีมาให้
ส่วนสถานีถัดมาเป็นการทดสอบในรูปแบบการเข้าโค้งต่างๆ ทำงานควบคู่กับระบบ One Pedal Drive ช่วยชะลอตัวรถก่อนเข้าโค้งได้เป็นอย่างดี เสริมด้วยระบบช่วยขับขี่ของวอลโว่ อย่าง Pilot Assit Lane Keeping ที่ช่วยควบคุมพวงมาลัยให้อยู่ในเลน แต่ทั้งนี้ผู้ขับขี่ยังต้องจับพวงมาลัย ซึ่งถ้าหากปล่อยมือหรือพลั้งมือออกห่างจากพวงมาลัย ระบบนี้จะตัดและยกเลิกการทำงานในทันที
ปิดฉากกับสถานีสุดท้าย ด้วยรูปแบบการทดสอบ Lane Change หรือการเปลี่ยนเลนกะทันหัน เป็นการจำลองสถานการณ์เมื่อมีวัตถุหรือคนตัดหน้ารถและจำเป็นต้องหักหลบโดยไม่ต้องเหยียบเบรก ซึ่งทำให้เห็นว่าใช้งานได้จริง แม้ว่าจะขับขี่มาด้วยความเร็วสูง
และอีกหนึ่งจุดเด่นของระบบความปลอดภัยที่รถยนต์วอลโว่มีมาให้ นั่นก็คือ Safety Belt ที่จะคอยเป็นเหมือนคุณครูคอยเตือนเมื่อผู้ขับขี่กำลังขับด้วยความอันตราย โดยระบบจะสั่งการให้ Belt รัดผู้ขับขี่แน่น หากยังขับขี่ด้วยความอันตรายอีก Belt ก็จะยิ่งรัดแน่น จนรู้สึกได้ว่าหายใจไม่ออกกันเลยทีเดียว ถือเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันที่ให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถด้วยความปลอดภัย
จากบทสรุปในเรื่องของการทดสอบในครั้งนี้ ถือได้ว่ารถยนต์วอลโว่ มีความโดดเด่นในทุกๆ ด้าน ไม่เพียงเฉพาะดีไซน์ แต่ระบบความปลอดภัยรวมถึงฟังก์ชันเทคโนโลยีต่างๆ ของรถยนต์วอลโว่ ยังสามารถตอบโจทย์ในทุกไลฟ์สไตล์การขับขี่ ทั้งในกลุ่มของรถยนต์ซีดาน, รถยนต์อเนกประสงค์ รวมถึงไปรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า