ลองขับ By The Great MAZDA BT-50 DBL 2.2 XT HI-RACER ดีขึ้นทั้งหน้าตาและสมรรถนะการขับขี่

เวอร์ชันล่าสุดของรถกระบะมาสด้า เปิดตัวในตลาดประเทศไทยเป็นที่แรกในโลก ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา หลังพันธมิตรอย่าง อีซูซุ เผยโฉมขุมพลังเครื่องยนต์ใหม่ และแน่นอนว่า มาสด้า บีที-50 รุ่นปรับโฉม มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์บล็อกดังกล่าวเช่นกัน นับว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีไม่ต้องรอปล่อยข้ามปีเหมือนเวอร์ชันก่อนหน้านี้

มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) ปรับแผนทำตลาดด้วยการลดจำนวนรุ่นย่อยเหลือเพียง 4 รุ่น แบ่งเป็นขุมพลังเครื่องยนต์ 2.2 จำนวน 2 รุ่น มีให้เลือกทั้งฟรีสไตล์แค็บ 2 ประตู และดับเบิ้ลแค็บ 4 ประตู บวกกับเครื่องยนต์ 3.0 จำนวน 2 รุ่น มีเพียงบอดี้เดียวคือ ดับเบิ้ลแค็บ 4 ประตู ทว่าแบ่งเกรดด้วยระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ ตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันไป

โดย MAZDA BT-50 DBL 2.2 XT HI-RACER 8AT ตัวท็อปในพิกัดเครื่องยนต์ 2.2 คือตัวเลือกที่ “หนังสือพิมพ์ยวดยาน” ได้ลองขับ ซึ่งมีความน่าสนใจทั้งในเรื่องของรูปร่างหน้าตาที่ดูบึกบึนและทันสมัยยิ่งขึ้น รวมถึงสมรรถนะที่ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น โดยส่วนตัวมองว่าน่าจะเป็นการขยับตัวแก้เกมรถกระบะยอดฝืดได้เป็นอย่างดี

สำหรับรูปโฉมภายนอกมีความเปลี่ยนแปลงจากเวอร์ชันก่อนหน้าเล็กน้อย ไล่เลียงจากกระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ รวมถึงไฟหน้าและไฟท้ายดีไซน์ใหม่ เติมเต็มด้วยล้ออัลลอยสีเงินขนาด 18 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ ส่งผลให้ภาพรวมมีความโดดเด่นและทันสมัยยิ่งขึ้นในแบบที่เป็นตัวตนของค่ายมาสด้า

ภายในห้องโดยสารมาพร้อมแผงแดชบอร์ดฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าดีไซน์ใหม่ ทั้งยังยกระดับชุดมาตรวัดดีไซน์ใหม่ พร้อมหน้าจอ MID แบบสี TFT ขนาด 7 นิ้ว เพิ่มฟังก์ชันแสดงมุมเอียงของตัวรถ Vehicle Tilt Information เสริมการขับขี่ในเส้นทางออฟโรด ถึงแม้จะเป็นตัวขับ 2 แต่ก็สามารถลุยได้ในระดับหนึ่ง

ตอบสนองการใช้งานได้ดียิ่งขึ้นด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ ดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.2 ลิตร ขนาด 2,164 ซี.ซี. พ่วงด้วยระบบอัดอากาศ E-VGS Turbo พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ รีดพละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อมโหมด +/- REV Tronic

นอกจากนี้ยังเติมเต็มการใช้งานด้วยเทคโนโลยีเสริมการใช้งานที่ทันสมัยยิ่งขึ้น อาทิ ระบบช่วยเตือนการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA (Driver Alert Assist) และระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTB (Rear Cross-traffic Brake) ตามยุคสมัยของยานยนต์

ความโดดเด่นในเรื่องรูปโฉมเป็นสิ่งที่ได้เห็นในสัมผัสแรก ซึ่งมีความน่าสนใจมากกว่าเวอร์ชันก่อนหน้านี้ รวมถึงภายในห้องโดยสารที่ดูดุดันและทันสมัยยิ่งขึ้นเช่นกัน ส่วนใครจะเห็นต่างก็ว่ากันไปตามความชอบของใครของมัน ไม่มีผิดถูก

ด้านสมรรถนะการใช้งานในพิกัด 2.2 สามารถตอบสนองได้ดีในระดับหนึ่ง เครื่องยนต์และเกียร์ผสานการทำงานได้ดี แต่หากเทียบกับพิกัด 3.0 โดยส่วนตัวชอบความดุดันของบล็อกดังกล่าวมากกว่า ทว่าโดยภาพรวมน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับแฟนมาสด้าที่เน้นการขับขี่ที่สะดวกสบาย ไม่ได้สมบุกสมบันมากมาย