ลองขับ By Oil’s บีวายดี ดอลฟิน รวดเร็วฉับไว สไตล์โลมา

นับเป็นครั้งแรกของ เรเว่ ออโตโมทีฟ ที่ได้เชิญคณะสื่อมวลชนเข้าร่วมทดสอบสมมรถนะรถยนต์ภายใต้แบรนด์บีวายดี อย่างเป็นทางการ บนเส้นทางออนโรด โดยครั้งนี้ได้นำรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% บีวายดี ดอลฟิน ที่เปิดตัวกันอย่างคร่าวๆ ภายในงานมอเตอร์โชว์ 2023 ที่ผ่านมา มาให้เราได้ทดสอบกันถึง 2 รุ่น ทั้ง สแตนดาร์ด เรนจ์ และเอ็กซ์เทนเด็ต เรนจ์
เรามาสำรวจาสเปกรถกันคร่าวๆ พอหอมปากหอมคอ โดยรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มคอมแพ็คคาร์ ตัวถังมาในรูปแบบของแฮตช์แบ็ก 5 ประตู มิติตัวถังมีขนาดความยาว 4,290 มม. กว้าง 1,770 มม. ความสูง 1,570 มม. ระยะฐานล้ออยู่ที่ 2,700 มม. การนำเอาสัตว์ทะเลอย่างโลมา มาใช้เป็นแนวคิดในการออกแบบ ถือว่าเป็นจุดเด่นสำคัญของรถยนต์รุ่นนี้ ทั้งการออกแบบภายนอก ภายใน รวมไปถึงสมรรถนะการขับขี่ที่ให้ความคล่องตัวสูง
รถยนต์รุ่นนี้โดดเด่นด้วยเส้นสายที่ออกแบบให้สอดรับกันทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลัง ไฟหน้า LED ที่เปรียบเสมือนเป็นดวงตาของปลาโลมา รับกับกระจังหน้า ด้านข้างของตัวรถเดินด้วยเส้นสายบนล่าง ทำมุมสามเหลี่ยม สะท้อนบุคลิกของตัวรถที่เปรียบเสมือนโลมากำลังว่ายน้ำ อีกหนึ่งไฮไลต์คือไฟท้าย LED ที่เดินเส้นสายสลับไขว้ไปมา พร้อมไฟเบรกและไฟเลี้ยวที่อยู่ในชุดเดียวกัน
การออกแบบภายในยังคงคอนเซปต์ของเจ้าโลมาไว้ได้เป็นอย่างดี อาทิ ช่องแอร์ คอนโซลด้านหน้า หรือแม้กระทั่งมือจับประตู เบาะนั่งคู่หน้าถูกออกแบบเป็นแบบสปอร์ตทรง Bucket Seat รุ่นท็อป เบาะนั่งคนขับสามารถปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ส่วนรุ่นล่างจะเป็นแบบปรับมือ พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบ 3 ก้าน ทรง D Shape มาพร้อมมาตรวัด Full Digital ขนาด 5.0 นิ้ว เขยิบมาทางซ้ายจะเป็นจออินโฟเทนเมนต์ระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 12.8 นิ้ว สามารถหมุนแนวตั้งและแนวนอน ช่องเชื่อมต่อ USB-A กับ USB-C ด้านหน้าพร้อมช่องจ่ายไฟ 12V ด้านหลัง USB-A และ USB-C อีก 2 ช่องหลังคอนโซลกลาง โดยจอกลางนั้นจะเป็นเมนูสำหรับตั้งค่าการใช้งานของตัวรถ อาทิ แอร์ ระบบควบคุมรถ ระบบความปลอดภัย เครื่องเสียง และแผนที่ เบรกมือไฟฟ้า Electronic Parking Brake มาพร้อมฟังก์ชัน Auto Brake Hold โดยรุ่นท็อปจะมีออปชันที่เพิ่มเติมจากรุ่น Standard Range คือ หลังคา Panoramic พร้อมม่านกันแดด และ Wireless Charger
อีกหนึ่งไฮไลต์ของ บีวายดี ดอลฟิน คือระบบความปลอดภัยที่ใส่มาให้ครบตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น ผ่านการทำงานของกล้อง ADAS ด้านหน้ารถ ที่มีทั้งระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW), ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ (AEB), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (LKS), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถแบบฉุกเฉิน (ELKA), ระบบเตือนการชนเมื่อเปลี่ยนเลน (LCW) และระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB)
ระบบช่วงล่างของบีวายดี ดอลฟิน ทั้ง 2 รุ่นจะมีความแตกต่างกัน โดยรุ่นท็อป ช่วงล่างด้านหน้าจะมาในรูปแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบมัลติลิงก์บีม และรุ่นแสตนดาร์ด เรนจ์ ช่วงล่างด้านหน้าจะเป็นแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง แบบเดียวกันกับรุ่นท็อป แต่ทว่าด้านหลังจะมาเป็นรูปแบบอิสระ มัลติลิงก์บีม ซึ่งทั้ง 2 รุ่นติดตั้งระบบเบรกด้านหน้า ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน ด้านหลัง ดิสก์เบรก รุ่นสแตนดาร์ด จะมาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ส่วนรุ่นท็อป เอ็กซ์เท็นเด็ต จะเป็นล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ซึ่งล้อแม็กของรุ่นนี้จะจะออกแบบให้แมตช์กับสีตัวรถด้วย
โดยรถยนต์ไฟฟ้า บีวายดี ดอลฟิน ทั้ง 2 รุ่น ถูกออกแบบบนพื้นฐานของ อี.แพลตฟอร์ม 3.0 มาพร้อมเบลด แบตเตอรี่ ซึ่งรุ่นสแตนดาร์ด เรนจ์ ติดตั้งแบตเตอรี่ ขนาด 44.9 กิโลวัตต์ มีพละกำลังสูงสุด 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 180 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า ทำความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม. วิ่งระยะทางสูงสุด 410 กม. (มาตรฐาน NEDC) ขณะรุ่นเอ็กซ์เทนเด็ต จะมีขนาดของแบตอยู่ที่ 60.48 กิโลวัตต์ ให้พละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 310 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า Front-Wheel Drive ทำความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. วิ่งระยะทางสูงสุด 490 กม. (มาตรฐาน NEDC)
ระบบการชาร์จไฟฟ้าทั้ง 2 รุ่น จะใช้หัวชาร์จแบบ Type 2 / CCS Combo พร้อมระบบจ่ายไฟฟ้าจากตัวรถ VTOL Mobile Power Supply Function 3.3 kW โดยรุ่นสแตนดาร์ด ชาร์จแบบกระแสสลับ AC รองรับสูงสุด 6.6 กิโลวัตต์ ใช้เวลา 0-100% ภายใน 6 ชั่วโมง 45 นาที ชาร์จแบบกระแสตรง DC Fast Charging รองรับสูงสุด 60กิโลวัตต์ จาก 30-80% ภายใน 30 นาที
ส่วนเอ็กซ์เทนเด็ต ชาร์จแบบกระแสสลับ AC รองรับสูงสุด 6.6 กิโลวัตต์ ใช้เวลา 0-100% ภายใน 9 ชั่วโมง ชาร์จแบบกระแสตรง DC Fast Charging รองรับสูงสุด 80 กิโลวัตต์ จาก 30-80% ภายใน 30 นาที
เข้าสู่โหมดลองขับ เริ่มต้นด้วยรุ่นสแตนดาร์ด เรนจ์ สัมผัสแรกที่พวงมาลัยให้ความรู้สึกที่ควบคุมง่าย การควบคุมคันเร่งถือว่าทำได้เป็นที่น่าพอใจ ในสไตล์การขับขี่ที่ไม่ได้กระโชกโฮกฮาก จังหวะเรงแซงก็ทำได้อย่างนุ่มนวล และในจังหวะที่ต้องการความเร็ว คันเร่งก็ตอบสนองได้อย่างยอดเยี่ยม รีดความเร็วขึ้นมาได้ดี เรียกได้ว่าติดเท้าเลยทีเดียว ด้วยจุดเด่นของช่วงล่างรุ่นนี้ที่เป็นแบบทอร์ชันบีม ส่งผลให้การควบคุมตัวรถทำได้อย่างมั่นใจ ไม่มีออกอาการโยนตัวของรถให้ได้เห็นเด่นชัด ผิดกับรุ่นเอ็กซ์เท็นเด็ต ที่ระบบช่วงล่างถูกเซตมาให้มีความนุ่มนวลมากกว่า ซึ่งหากใช้ความเร็วเข้าโค้ง ตัวรถอาจจะแสดงอาการออกมาให้เห็นเด่นชัดกว่า เพราะด้วยช่วงล่างที่เป็นแบบอิสระ มัลติลิงก์บีม ระบบเบรกทำได้อย่างเฉียบคม เรียกได้ว่าเอาอยู่ รวมถึงระบบความปลอดภัยต่างๆ ที่มีมาให้ ถือว่าได้ใช้บนท้องถนนเมืองไทยอย่างแน่นอน ในเรื่องของฟังก์ชันการใช้งานก็ถือว่าให้มาครบเครื่องเช่นกัน ทั้ง อินโฟเทนเมนต์ การปรับฟังก์ชันต่างๆ ก็ทำได้ง่าย รวดเร็ว
สรุปสั้นๆ บีวายดี ดอลฟิน ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ให้ความคล่องตัวสูงในการขับขี่ ทั้งในเมืองและนอกเมือง เบาะนั่งทั้งด้านหน้าและหลัง ที่นั่งสบาย ไม่อึดอัดและคับแคบ การออกแบบดีไซน์ของตัวรถที่ล้ำสมัย ผ่านแนวคิดของโลมาบนท้องทะเล ยิ่งสะท้อนให้ตัวรถมีความโดดเด่น และนี่คือบทสรุปของ “บีวายดี ดอลฟิน” โลมาไฟฟ้า พลังจัดจ้าน ที่จะมาสร้างปรากฏการณ์ใหม่บนท้องถนนเมืองไทย