รถไฟฟ้าในยุคสมัยปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีไปไกลมากแล้ว เห็นได้จากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้ามากมายในท้องตลาด จากบรรดาหลายค่ายผู้ผลิต ทั้งจากจีน ยุโรป แต่ทว่าหากเทียบเคียงถึงคุณภาพ และความเชื่อมั่นในมุมของผู้บริโภค ค่ายยุโรปจะดูมีภาษีมากกว่า ซึ่งวันนี้ “ยวดยาน” จะพาไปส่องกล้อง ทำความรู้จักกับ VOLVO EX30 Cross Country อีกหนึ่งเวอร์ชันของรถไฟฟ้า ที่มีคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นในด้านดีไซน์ การออกแบบที่เน้นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้วยการนำวัสดุรีไซเคิลมาเป็นส่วนประกอบ ผสมผสานเทคโนโลยีและสมรรถนะ ทำให้รถไฟฟ้าคันนี้ยิ่งมีความน่าสนใจ

ภายใต้แนวคิดหลักของการออกแบบและพัฒนา VOLVO EX30 Cross Country ที่ต้องการให้รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้มีรูปแบบการใช้งานได้หลากหลาย ทั้งขับขี่ในเมืองหรือออกไปท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ยังต้องการรถที่ดูพร้อมออกทริป ไปคาเฟ่บนเขา ไปแคมป์ หรือขับลุยทางฝุ่นแบบเบาๆ ได้อย่างมั่นใจ ดังนั้น แพลตฟอร์ม SEA (Sustainable Experience Architecture) ที่ EX30 ใช้ จึงถูกออกแบบให้ยืดหยุ่นพอจะสร้างเวอร์ชันขับเคลื่อน 4 ล้อ และรองรับความสูงของตัวรถที่เพิ่มขึ้นได้

VOLVO EX30 Cross Country เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น หลังจากที่ วอลโว่ คาร์ เริ่มปลุกกระแสนับตั้งแต่การปล่อยภาพออฟฟิเชียล ก่อนจะเปิดตัวรถเวอร์ชันจริงในช่วงต้นปี เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำหรับตลาดประเทศไทย วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย นำ EX30 Cross Country เผยโฉมอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา และมีการนำรถยนต์คันจริงไปจัดแสดงที่งาน Fast Auto Show Thailand 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-6 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา

VOLVO EX30 Cross Country เวอร์ชันไทย ถูกส่งตรงมาจากสายการผลิตของโรงงาน Zhejiang Geely Automobile เช่นเดียวกับ EX30 รุ่นปกติ วางราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,890,000 บาท เท่ากันกับรุ่น Ultra Twin Motor Performance เวอร์ชันปกติ มาพร้อมการรับประกันคุณภาพแบตเตอรี่ High-voltage 8 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร การรับประกันคุณภาพรถยนต์ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และบริการให้ความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง Volvo Assistance 1 ปี

อย่างที่บอกในตอนต้น VOLVO EX30 Cross Country นั้น เป็นรถไฟฟ้าที่ถูกออกแบบโดยเน้นในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ด้วยการช้วัสดุอะลูมิเนียมประมาณ 27% รวมถึงเหล็กและพลาสติกอย่างละ 17% ที่ได้มาจากกระบวนการรีไซเคิลมาใช้ในการประกอบ โดยเวอร์ชันรุ่นนี้มีการปรับปรุงหน้าตาด้วยวัสดุสีดำรอบคัน ดูเข้มและดุดัน พร้อมลุยมากยิ่งขึ้น ด้านหน้ารถ โดดเด่นมาแต่ไกล ด้วยกระจังหน้าสีดำทมึน พร้อมลวดลายแผนที่ภูมิศาสตร์ของภูเขา Kebnekaise (เคบเนไคยซะ) สื่อถึงสัญลักษณ์ของธรรมชาติแบบสุดขอบ ที่ทั้งท้าทายและงดงาม วอลโว่ใช้ลายภูเขานี้เพื่อสื่อสารว่า EX30 Cross Country ไม่ใช่แค่รถไฟฟ้าน่ารักสำหรับขับในเมือง แต่พร้อมพาคุณออกไปไกลกว่าเดิม

ขนาดและมิติของตัวรถ VOLVO EX30 Cross Country (ยาว x กว้าง x สูง / ฐานล้อ)  4,233 x 1,838 x 1,567 / 2,650 มิลลิเมตร ทำให้ EX30 เวอร์ชันนี้มีความสูงขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นปกติที่สูง 1,549 มิลลิเมตร สามารถลุยได้มากยิ่งขึ้น ขยับมาที่ภายในห้องโดยสาร สัมผัสแรกที่เข้ามานั่งและเมื่อกวาดสายตาไปรอบๆ ก็จะเห็นว่าการออกแบบของ EX30 Cross Country ยังคงเน้นความเรียบหรูแบบมินิมอล ตัวเบาะมีให้เลือก 2 สี คือ สีเขียว Pine และสีน้ำเงิน Indigo เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้าพร้อมระบบอุ่นเบาะ เบาะหลังแยกพับ 60:40 ระบบแอร์อัตโนมัติแยกปรับ 2 โซน มีระบบกรองอากาศพร้อมเซนเซอร์วัดค่า PM 2.5 นอกจากนี้ยังมี Google Built-in ที่สามารถใช้ Google Map เป็นระบบนำทาง ตลอดจน Google Assistant, Google Map และ Google Play ผ่านหน้าจอมัลติฟังก์ชันขนาด 12.3 นิ้ว แท่นชาร์จไร้สาย ระบบเสียง Harman Kardon ลำโพง 9 จุด และแอมปลิฟลายเออร์ 1040 วัตต์ และที่สำคัญ คันเกียร์ถูกโยกไปใส่ไว้ที่หลังพวงมาลัยทางด้านขวา ทำให้สามารถใช้งานได้ง่าย การควบคุมต่างๆ ถูกย้ายมารวมไว้ในจอกลางทั้งหมด แม้จะมีปุ่มฟิสิคัลบางอย่าง เช่น ปุ่มไฟฉุกเฉิน หรือสวิตช์เปิดฝาท้าย แต่โดยรวมก็ยังต้องพึ่งหน้าจอเป็นหลัก รวมถึงสวิตช์กระจกไฟฟ้าที่ปกติมีแยกฝั่งซ้าย-ขวา ก็ถูกย้ายมาอยู่ตรงกลาง เพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกันได้ทั้ง 2 ฝั่ง และลดจำนวนชิ้นส่วนที่ต้องผลิตแยกกันสำหรับรุ่นพวงมาลัยซ้ายและพวงมาลัยขวา โดยวอลโว่เชื่อว่า แนวทางนี้ช่วยลดความซับซ้อน ทำให้ภายในดูโปร่ง โล่ง และสงบขึ้น จอเดียวจบ คือคอนเซปต์ของยุคใหม่ แต่การใช้งานจริงอาจจะไม่ได้ดูง่ายขนาดนั้น เมื่อบางทีต้องละสายตาไปดูที่จอเพื่อปรับค่าต่างๆ ซึ่งต้องทำที่จอกลางเพียงอย่างเดียว มันจะดูยุ่งยากไปสักนิด

สำหรับของเล่นใหม่ที่มีมาให้ใน EX30 Cross Country ซึ่งติดตั้งระบบปฏับัติการเวอร์ชันล่าสุด ได้แก่ Relax Mode หรือ ฟงก์ชันที่ออกแบบมาเพื่อสร้างบรรยากาศผ่อนคลายขณะจอดรถ เมื่อเปิดใช้งาน เบาะที่นั่งฝั่งคนขับจะเอนลง ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารจะหรี่ลง ประตูจะล็อกโดยอัตโนมัติ และกระจกหน้าต่างจะปิดทั้งหมด

Refresh Mode หรือฟังก์ชันที่ช่วยเร่งการทำความเย็นภายในห้องโดยสารอย่างรวดเร็ว  เหมาะสำหรับช่วงเวลาที่อากาศร้อนจัดระหว่างการเดินทาง เมื่อเปิดใช้งาน ระบบจะปล่อยลมเย็นทันที พร้อมทำการหมุนเวียนอากาศภายในห้องโดยสาร และมีไฟสัญญาณ Refresh ติดขึ้นตลอดเวลาที่ระบบทำงาน

เข้าสู่โหมดการทดสอบ EX30 Cross Country ครั้งนี้ วอลโว่ ประเทศไทย ชวนเราออกนอกเมืองไปฝั่งตะวันออก พร้อมออกไปลุยกับการสถานีทดสอบที่บ่อดิน ลำหิน ลาดกระบัง  ที่จะพาเราเข้าสู่โซนออฟโรดเบาๆ ซึ่งสามารถใช้ความเร็วได้นิดหน่อย การควบคุมทำได้ดีมาก ด้วยระบบช่วยเหลือต่างๆ ที่มีมาให้ รวมถึงช่วงล่างที่ให้ความมั่นใจ ทำให้ EX30 Cross Country ได้โชว์ความสามารถในการลุยแบบพอประมาณ

และเมื่อขับเข้าสู่ด่านแรก เจอกับบ่อน้ำที่ดูแล้วน่าจะมีความลึกประมาณ 10 เซนติเมตร และทางขึ้น-ลง ไม่ชันเท่า แน่นอนว่า มันไม่เป็นอุปสรรคต่อรถ EX30 Cross Country สามารถวิ่งผ่านไปได้แบบไม่สะเทือนอารมณ์ และแทบไม่ได้ยินเสียงน้ำสาดกระทบพื้นด้านล่างของตัวรถเลย

เมื่อขึ้นเนินมาเสร็จสรรพ ทีม Instructor ก็ไม่ให้พัก เปิดโอกาสให้เราได้ลองอัตราเร่งอีกครั้ง แต่คราวนี้เปลี่ยนจากพื้นถนนปกติและพื้นกรวด ผลปรากฏว่าการถ่ายกำลังลงสู่ล้อของ EX30 Cross Country ก็ยังทำผลงานออกมาได้ดี ตัวรถยึดเกาะถนนแม้จะมีอาการท้ายกวาดเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้ว ถือว่าควบคุมได้อย่างมั่นใจ

ในเรื่องความแรง จากการลองเทคตัวจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทั้ง 2 โหมด Normal และ Performance บนพื้นเปียก EX30 Cross Country ทำให้ผมรู้สึกว้าวเมื่อกดคันเร่งเต็ม แรงดึงทั้งหมดจะพาน้ำหนักตัวรถไปตกอยู่ที่ล้อคู่หลังเสียส่วนใหญ่ อาจเพราะด้วยเหตุนี้เอง รวมถึงลักษณะการปลดปล่อยพลังที่ไม่ได้รุนแรงแบบจรวด ทำให้ทั้ง 2 รอบที่ลองจับเวลา ลองอัตราเร่ง Cross Country ไม่มีการหมุนล้อฟรีทิ้ง ไม่มีท้ายปัด ไม่มีสะบัด หรือออกอาการตุปัดตุเป๋ส่ายไปมาเลย ทั้งที่แรงดึงมหาศาลขนาดนี้

ทันทีที่เข้าสู่สถานีถัดมา คือ Slalom ก็ยังแอบคิดอยู่ว่าจะเอาอยู่มั้ย โดยผมลองใช้ความเร็วนิดหน่อย ปรากฏว่าการควบคุมตัวรถให้โยกไปตามพวงมาลัยและทิศทางการควบคุม ทำได้ดีมาก ถึงแม้ว่าสภาพพื้นจะเปียกและชุ่มไปด้วยดินโคลน อาการโคลงเคลงของตัวรถแทบจะไม่รู้สึกทำให้วาบหวิวเลย เมื่อต้องเจอกับอุปสรรค Pairon ที่ขวางอยู่

ปิดท้ายการขับด้วยการวิ่งวนรอบกรวยบนดินหนังหมูที่ลื่น ชนิดที่ว่าถ้าลงไปเดินอาจมีไถลหัวฟาด! สถานีนี้ผมทำอะไรไม่ได้มาก นอกเสียจากพยายามลองหมุนดูสัก 6 รอบ โดยใช้ 3 โหมด พบว่าระบบควบคุมการทรงตัวของ EX30 Cross Country ทำงานเฉียบคมด้วย ESP ที่จะคอยตรวจจับว่า ถ้าหากตัวรถเริ่มเสียอาการ ก็จะมีสั่งลดกำลังลงในทันที

โดยรวมแล้ว EX30 Cross Country ไม่ได้มาในแบบออฟโรดสายโหดที่เน้นการลุยหนักปั่นโคลน เหินเนิน อะไรขนาดนั้น แต่มันคือรถที่สามารถพาคุณออกไปลุยได้พองาม ทั้งในและนอกเมือง อีกทั้งตัวรถยังคงให้คาแรกเตอร์ที่โดดเด่น ในแบบฉบับรถยนต์ไฟฟ้าสแกนดิเนเวียน  นี่แหละ VOLVO EX30 Cross Country รถเอสยูวีไฟฟ้า ไม่ได้มีดีแค่ลุย