“รามอินทรา” ยกนิ้วให้ 682 ห้วงเวลา…ที่สำคัญ ยกนิ้วให้…ทุกค่าย เป็นพลัง…ให้ทุกคน

ก้อ…อย่างที่เขียนไว้บ่อยครั้งว่า…เวลาเคลื่อนผ่านไปรวดเร็วจริงๆ ปี 68 เหลือเวลาแค่ 2 เดือนเท่านั้น “รามอินทรา” จะรู้สึกยินดีทุกครั้งที่มีข่าวของค่ายยานยนต์เปิดโน่นทำนี่ โดยเฉพาะ…ถ้าเป็นการเปิดตัวรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ๆ ยิ่งยินดีด้วยและพร้อมที่จะนำเสนอให้แบบไม่ขี้เหนียวพื้นที่ ขอแค่เพียงส่งข่าวมา หรือจะกริ๊งกร๊างมาคุยด้วยก็ยิ่งจะโอเค และถ้าเป็นรถยนต์หรือจักรยานยนต์รุ่นใหม่ๆ ก็พร้อมที่จะจัดเต็มให้ ทั้งหน้าปกและเนื้อใน เพราะยังอยากเห็นทุกความสำเร็จและรอยยิ้ม เพียงแต่ก็ยังมีความรู้สึกที่อยากบอกกับทุกค่าย วันนี้…ทุกคนเหนื่อยและยากลำบากกันทุกคน วันไหนที่ทุกเรื่องราวผ่านพ้นไปด้วยดี มีเรื่องราวดีๆ มีความสำเร็จผ่านเข้ามา ขอเพียงอย่าลืมกันขอแค่คิดถึงกันบ้าง โดยเฉพาะ…เรื่องการดูแลเรื่องการสนับสนุนกัน จะมากบ้างหรือน้อยบ้าง ยังไงก็ยังโอเคกว่าไม่คิดถึงกัน ไม่คิดถึงวันเดิมๆ ที่เคลื่อนผ่านไป ขอเพียงแค่คิดถึงกัน เท่านั้นเอง
วันนี้… “รามอินทรา” ได้เห็นความคึกคักแห่งค่ายรถญี่ปุ่น ที่ใช้เทคโนโลยีไฮบริด มาเป็นใบเบิกทาง ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะค่ายยักษ์ใหญ่ อย่างรถยนต์โตโยต้า ที่มีความชัดเจนเป็นอย่างยิ่งกับความสำเร็จของรถยนต์โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ขุมพลังแห่งไฮบริด ยิ่งในบรรรยากาศที่ “รถไฟฟ้า” กำลังเจอะเจอปัญหาชนกันเอง ในเรื่องของการลดราคา ทำให้การขับเคลื่อนของรถยนต์ไฮบริด มีความสำเร็จเกิดขึ้นแบบเด่นชัดห้วงเวลาที่เหลืออีกไม่ถึง 2 เดือน “รามอินทรา” เชื่อว่าจะได้เห็นรถไฮบริด ขับเคลื่อนกันออกมาให้เป็นทางเลือก ซึ่งค่ายมิตซูบิชิ ก็มีการประกาศอย่างชัดเจนด้วยเหมือนกันว่า “ไฮบริด” จะเป็นพลังขับเคลื่อนในวันนี้และอนาคต ดีใจกับทุกความเป็นยานยนต์ไฮบริด ที่จะได้เห็นนับต่อจากนี้ และเชื่อว่าจะเป็นต้นทุนสำคัญสำหรับตลาดรถยนต์ในปี 69 ของค่ายรถญี่ปุ่นที่ทำให้คนไทยนั้นมีตัวเลือกเยอะมากขึ้นอีกด้วย
พรุ่งนี้…ยังไม่มีอะไรแน่นอน โดยเฉพาะสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจที่แม้ว่า…ทุกค่ายจะยอมรับถึงยอดขายที่หดหายไปนั้น คงยากที่จะเก็บเกี่ยวคืนมาได้สำเร็จ แต่ “รามอินทรา” ยังเชื่อว่า…ทุกค่ายจะยังไม่ยอมแพ้ จะยังพยายามค้นหาช่องทางที่จะทำให้ทำได้ใกล้เคียง เป้าหมายมากที่สุด ซึ่งถือว่าโอเคแล้ว เมื่อยังมีงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ให้สามารถได้เก็บเกี่ยวยอดจองอีกครั้งหนึ่ง ยิ่งสถานการณ์ของรถไฟฟ้า ถือว่า…ถดถอยลงไป น่าจะส่งผลบ้างไม่มากก็น้อย “รามอินทรา” ยกนิ้วให้กับทุกค่ายที่ยังเชื่อโอกาสในวิกฤติ ที่มีให้กับทุกความพยายาม ขอเพียงแค่อย่าเพิ่งถอดใจ อย่าเพิ่งยอมแพ้ ยังเชื่อว่า…คงมีตังค์คนอยากเป็นเจ้าของรถใหม่ยังมีอยู่ แค่ถูกใจ แค่มีคำว่าใช่ อาจเป็นต้นทุนของตัวเลขยอดขาย ที่จะเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งวางไว้ ก้าวต่อไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ ยกนิ้วให้ทุกค่ายนะครับ
เป็นอีกวิถีแห่งสถานการณ์ของตลาดยานยนต์ไทย ในห้วงเวลาสำคัญ ที่มีความหมายต่อความสำเร็จที่วางไว้ เป็นกำลังใจและยกนิ้วให้ เพื่อเป็นพลังที่จะก้าวต่อไป ตราบใดที่ยังไม่ยอมแพ้ ตราบนั้นก็ยังมีหนทางแห่งชัยชนะ ความสำเร็จรออยู่นะครับ
ยกนิ้วให้กับทุกความมุ่งมั่นที่ก้าวเดิน
มากกว่าขอบคุณ
“รามอินทรา”
บ้านชินเขต
15 ตุลาคม 2568