รามอินทรา จอ…จ่อ…จ้อ…575 บางอารมณ์…บางความคิด บางความรู้สึก…หยุดมั้ย? สุดท้าย…เป็นเยี่ยงไร?

ก้อ…ถูกถามบ่อยๆ…ทำไมยังทำงานอยู่ ทั้งๆที่อายุก็ล่วงเข้าเลข 7 แล้ว บอกกับคนที่ถามเหมือนกันว่า ตราบใดที่ “เจ้านาย” ยังอยากให้ทำก็ยังทำ ดีกว่าอยู่บ้านเฉยๆ กลัวจะเป็นอัลไซเมอร์ อย่างน้อยการที่ได้ออกจากบ้าน ได้เจอคนได้ใช้สมอง ที่สำคัญ…ได้เงินเดือน ยังไงก็น่าจะโอเคอยู่ แต่ก็ยังถูกถาม…เคยเบื่อบ้างมั้ย? ก็มีบ้างแหละ แต่ส่วนมากเป็นการเบื่อสิ่งรอบข้างมากกว่าเบื่อเรื่องงาน อาจเป็นด้วย “รามอินทรา” ชอบเขียนหนังสือ ยังนึกไม่ออกเลยว่า…ถ้าไม่เขียนหนังสือแล้วจะทำอะไร เลยไม่ได้เบื่อเรื่องงาน ด้วยเป็นแค่ความรับผิดชอบส่วนตัว ขณะที่บรรยากาศหรือสิ่งรอบตัว เป็นความรับผิดชอบส่วนรวม ที่บางครั้งรู้สึกไม่ค่อยอยากแบกภาระอะไรไว้เยอะแยะ ก้อ…ยวดยาน” ไม่ใช่ของ “รามอินทรา” แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกัน อยากให้ทุกคนมีสำนึกเหมือนๆกัน อย่าเอาเปรียบกัน
อีกเรื่อง… “รามอินทรา” ยังมี “เว็บไซต์” เป็นของตัวเอง บางครั้งก็เคยคิด…ทำงานแต่ของตัวเอง โอเคกว่ามั้ย? แต่…ก็ไม่ได้อีกแหละ ถ้าถามเหตุผล น่าจะเป็นเพราะ “ยวดยาน” เป็นความภาคภูมิใจมากกว่า ลองคิดดู…27 ปี แล้วที่ฝ่าฟันมาจนสามารถทำให้เป็น “สิ่งสิ่งพิมพ์” ฉบับเดียวที่ยังสามารถดำรงอยู่ จึงเป็นความรักความผูกพันมากกว่า ที่สำคัญ…วันนี้… “รามอินทรา” ก็ไม่ได้มีหนี้สินอะไรแล้ว ถึงไม่ร่ำไม่รวย แต่ก็พอที่จะดูแลตัวเองได้ ลูกเต้าก็มีอนาคตที่ค่อนข้างจะมั่นคงแล้ว อยากจะทำ “ยวดยาน” ให้ไปได้ไกลที่สุด แต่ก็ต้องร่วมด้วยช่วยกันทุกคน ไม่อยากแบกภาระไว้คนเดียว เราสร้างมาอย่างยากลำบาก ไม่ใช่ยังคิดเอาเปรียบกัน ไม่รับผิดชอบอะไร หรือบางครั้ง…ถูกมองว่าได้ผลประโยชน์อย่างโน้นอย่างนี้ ก้อ…อยากให้มาลองคิดทำกันบ้าง “ยวดยาน” ไม่ได้เกิดแบบฟลุ๊กๆ แต่เกิดจากความพยายามและความไว้เนื้อเชื่อใจของ “เจ้านาย” ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา ไม่ยังงั้นก็ยากจะเป็นวันนี้
สัปดาห์นี้…จอ…จ่อ…จ้อ แบบแปลกๆ เหมือนอยากจะระบายอะไรบ้าง ไม่รู้เป็นเพราะเหนื่อยหรือเจอผลกระทบอะไร แต่…อาจเป็นเพราะเจอบางเรื่องราวหรือเปล่า จนทำให้รู้สึก…เออพักก็ได้วะ แต่ถึงเวลาจริงๆก็คงไม่ได้พักหรอก ด้วยยังเชื่อ…ชีวิตของ “รามอินทรา” นั้นผูกพันกับการเป็นคนเขียนหนังสือมา จนเป็นชีวิตจิตใจ ถ้าจะให้หยุดเขียนคงยาก แต่…เขียนให้น้อยลงอาจเป็นไปได้มากกว่า อย่างน้อย…จะได้ไม่ต้องแบกภาระหรือให้ใครมาเอาเปรียบ หรือคิดว่าได้มากเกินไป จริงๆแล้วต้องขอบคุณ “คนยานยนต์” นั่นแหละ ที่ยังรักและผูกพัน ยังมีความห่วงใย และคอยดูแลแบบจริงใจ นี่แหละคือพลังใจที่อยากบอก โอเคที่สุดเป็นความผูกพันที่ยอมรับ…เป็นสิ่งที่ฝังแน่นอยู่ในใจตลอดมา จนทำให้รู้สึกยังอยากเป็นคนเขียนหนังสืออีกต่อไป แบบอย่าคิดเยอะเท่านั้นเอง
เป็น “รามอินทรา” จอ…จ่อ…จ้อ ที่เหมือนอยากจะระบายอะไรบางอย่าง ที่เก็บสะสมมาจนรู้สึกไม่อยากเก็บ ไม่อยากทน อยากอยู่คนเดียวแบบเงียบๆ เขียนหนังสือเฉพาะที่อยากเขียน น่าจะโอเคที่สุดแล้วล่ะ
สักวันหนึ่งคงได้เจอกัน
มากกว่าขอบคุณ
“รามอินทรา”
บ้านชินเขต
20 พฤศจิกายน 2567