‘ยาริส’จี๊ดจ๊าด 3 เดือนจองทะลุหมื่น ส่งต่ออนาคต “ไฮบริด” กลางปีนี้

“รถเก๋งเล็ก” นับเป็นหนึ่งในเซ็กเมนต์ที่ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ให้ความสำคัญ พร้อมสร้างทางเลือกที่โดดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์ ทั้งในเรื่องการออกแบบตัวถัง ออปชันที่คุ้มค่า เน้นความประหยัด และพร้อมใช้งานได้หลากหลาย สะท้อนตัวเลขยอดขายรถยนต์กลุ่มอีโค / บี-เซ็กเมนต์ ซีดาน ที่ยังคงได้รับความนิยม โดย โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ครองแชมป์ในตลาด (มกราคม-มีนาคม 68) ด้วยยอดทั้งสิ้น 12,205 คัน กินส่วนแบ่งตลาด 69.1% ตอกย้ำความเป็นรถคอมแพคซีดานยอดนิยมของคนไทย พร้อมสานต่อรุ่นใหม่ภายใต้ขุมพลังไฮบริด (เอชอีวี) ในช่วงกลางปีนี้
ตลาดรถยนต์ไทยเผชิญกับความท้าทายหลายประการ ส่งผลให้ยอดขายโดยรวมหดตัวลง สาเหตุหลักมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และการขยายตัวของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (บีอีวี) ที่ดึงดูดผู้บริโภคไปพอสมควร นับเป็นเทรนด์ของรถยนต์ในยุคปัจจุบัน ที่เป็นทางเลือกใหม่
ทว่าความเชื่อมั่นในแบรนด์และผลิตภัณฑ์ยังคงเป็นเครื่องหมายคำถามในใจผู้บริโภค ในช่วงเวลาที่บีอีวีได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับความเชื่อมั่นที่มีต่อแบรนด์ญี่ปุ่นที่มีรากฐานที่แข็งแกร่งในตลาดประเทศไทย ในบทบาทของผู้เล่นหลักและเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ขณะที่สถานการณ์ตลาดรถยนต์ไทยในปีที่ผ่านมา ต้องเผชิญกับบททดสอบครั้งสำคัญ ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอ ประกอบกับการแข่งขันสงครามราคาที่เข้มข้น เพื่อแย่งชิงลูกค้า โดยเฉพาะในเซ็กเมนต์รถยนต์นั่งขนาดเล็ก หรืออีโคคาร์ ซึ่งแต่ละค่ายต่างจำเป็นต้องปรับแผนการทำตลาด อาทิ การเปิดตัวรุ่นใหม่ การปรับปรุงโปรดักต์ รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อหวังกอบโกยยอดให้อยู่ในมือ
อย่างไรก็ดี หลังจากการทำงานอย่างหนักของค่ายผู้ผลิตรถยนต์แต่ละแบรนด์ในปีที่ผ่านมา ลากยาวมาจนถึงปีนี้ ส่งผลให้ภาพรวมตลาดรถยนต์ในกลุ่มอีโค หรือบี-เซ็กเมนต์ อยู่ในทิศทางทรงตัว สอดคล้องกับภาพรวมตลาดรถยนต์ที่ยังชะลอตัวอยู่เช่นเดียวกัน หลังผ่านไตรมาสแรก
สำหรับตัวเลขยอดขายรถยนต์กลุ่มอีโค / บี-เซ็กเมนต์ ซีดาน เดือนมกราคม-มีนาคม 2568 เก็บยอดรวมไปทั้งสิ้น 17,657 คัน โดย โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ครองผู้นำในตลาด ด้วยตัวเลขที่เก็บไปได้ทั้งสิ้น 12,205 คัน เก็บส่วนแบ่งตลาด 69.1% ตามมาด้วย ฮอนด้า ซิตี้ เก็บไปได้ 3,190 คัน ครองแชร์ 18.1% และมิตซูบิชิ มิราจ รั้งอันดับ 3 กวาดไปทั้งสิ้น 774 คัน ยึดส่วนแบ่งตลาด 4.4% ส่วนอันดับถัดไปเป็นของ นิสสัน อัลเมร่า เก็บไปได้ 717 คัน เก็บแชร์ 4.1% และอันดับ 5 เอ็มจี5 508 คัน ยึดส่วนแบ่งตลาด 2.9% ปิดท้ายด้วย มาสด้า2 ซีดาน 263 คัน ครองแชร์ 1.5% ตามลำดับ
สำหรับ โตโยต้า ยาริส เอทีฟ เปิดตัวครั้งแรกในปี พ.ศ. 2560 มีจุดมุ่งหมายในการนำเสนอรถยนต์ในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่าย ประหยัดน้ำมัน และเชื่อถือได้ในคุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าชาวไทย เช่น กลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน และคนรุ่นใหม่ รถรุ่นนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้าชาวไทย และมียอดขายเป็นอันดับ 1 ในตลาดนับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน
ยาริส เอทีฟ รุ่นปัจจุบัน นับเป็นเจเนอเรชันที่ 3 ที่ทางโตโยต้าได้มุ่งมั่นพัฒนามาเพื่อตอบสนองความต้องการอันหลากหลายของคนไทยโดยเฉพาะ มาพร้อมจุดเด่นที่เหนือระดับ เมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นภายในห้องโดยสาร และพื้นที่เก็บสัมภาระที่กว้างขวาง เบาะนั่งของผู้โดยสารด้านหลังที่สะดวกสบาย และการออกแบบที่สะท้อนความคล่องแคล่ว ทรงพลัง และยังเพียบพร้อมไปด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย พร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบครัน ด้วยเหตุนี้ ยาริส เอทีฟ จึงได้สร้างฐานลูกค้าที่ชื่นชอบกับรถรุ่นนี้อย่างเหนียวแน่น
พร้อมกันนี้ โตโยต้ายังได้เตรียมแผนที่จะเปิดตัว โตโยต้า ยาริส เอทีฟ ในขุมพลังทางเลือก เอชอีวี เพื่อต่อยอดความสำเร็จในตลาดรถไฮบริดของแบรนด์ โตโยต้า ซึ่งคาดการณ์กำหนดการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของรถยนต์คอมแพคซีดาน โตโยต้า ยาริส เอทีฟ เอชอีวี น่าจะอยู่ที่ราวๆไตรมาสที่สามของปีนี้