ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ ขยับตัวสร้างแรงกระเพื่อมให้กับตลาดรถยนต์อเนกประสงค์พีพีวี เปิดตัว อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ รุ่นปรับโฉมปี 2024 ในตลาดประเทศไทย ยกระดับสมรรถนะด้วยเทคโนโลยีเสริมที่ครบครันยิ่งขึ้น ตอบสนองการใช้งานที่หลากหลายภายใต้ขุมพลัง 2 พิกัด 1.9 และ 3.0 ชูความโดดเด่นท็อปสุดในคลาส มาพร้อม 4 รุ่นทางเลือก เคาะราคาจำหน่าย 1,184,000-1,771,000 บาท

                  เจเนอเรชันที่ 2 ของอีซูซุ มิว-เอ็กซ์ เดินหน้าทำตลาดนับตั้งแต่ปี 2020 และยังคงไว้ซึ่งความนิยมจากผู้บริโภคในประเทศไทย สามารถโกยยอดขายได้มากกว่า 15,000 คัน ในปีถัดมา ก่อนจะขยับตัวเลขเพิ่มเป็นมากกว่า 20,000 คันในปี 2022 รวมถึงในปีที่ผ่านมา ซึ่งเก็บเกี่ยวยอดขายเกือบแตะตัวเลข 21,000 คัน

ล่าสุด บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ตอกย้ำบทบาทผู้นำรถยนต์อเนกประสงค์พีพีวีในตลาดประเทศไทย ด้วยการเปิดตัว อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ รุ่นปรับโฉมปี 2024 อย่างเป็นทางการในวันที่ 12 มิถุนายน ที่ผ่านมา เติมความคึกคักสร้างโอกาสขยับยอดขายในเซ็กเมนต์ดังกล่าว ในช่วงเวลาที่ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงชะลอตัว ซึ่ง อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ ประเดิมตลาด 4 เดือนแรกของปีด้วยยอดขายมากกว่า 4,000 คัน

กลุ่มตรีเพชร โดย มร.ทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันผู้บริโภคเลือกซื้อรถโดยพิจารณาจากอรรถประโยชน์ของรถที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์และการใช้งานได้อย่างหลากหลาย จึงทำให้รถอเนกประสงค์เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการได้ครบทุกด้าน ตลอดจนความสะดวกสบาย เทคโนโลยีล้ำสมัย รวมถึงพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ที่มากกว่า วางเป้าหมายเป็นรถอเนกประสงค์ที่ดีที่สุดในคลาส ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่ที่เหนือกว่าในทุกๆ ด้าน”

สำหรับ อีซูซุ มิว-เอ็กซ์ ใหม่ ได้รับการปรับโฉมทั้งภายนอกและภายใน มาพร้อม 4 รุ่นทางเลือก ชูโรงด้วยรุ่น RS ที่ยกระดับความสปอร์ตขึ้นไปอีกขั้น โดดเด่นด้วยกระจังหน้า Black Diamond Grille พร้อมสัญลักษณ์ RS วัสดุ Black Chrome เสริมความดุดันด้วยชุดกันชนหน้า Fighter Jet พร้อม Air Curtain โฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าและไฟท้าย Dynamic Blade เติมความสปอร์ตด้วยล้ออัลลอย RS Design ขนาด 20 นิ้ว รวมถึง Fender Garnish สีดำ และ Side Garnish สัญลักษณ์ RS

ภายในห้องโดยสารสปอร์ตพรีเมียมมาในโทนสีดำตกแต่งด้วยวัสดุ Matte Silver Garnish มาพร้อมคอนโซลสีดำดีไซน์ใหม่ ตกแต่งด้วย Matte Silver ย้ำความสปอร์ตเสริมการใช้งานด้วยเบาะนั่งดีไซน์สปอร์ต สร้างความโดดเด่นเป็นตัวตนด้วยการเดินด้ายสี Lime Green และสัญลักษณ์ RS บนหัวเบาะ ยกระดับความพรีเมียมเสริมบรรยากาศภายในรถด้วย Red Ambient Light

เติมเต็มความทันสมัยและความปลอดภัยด้วย ADAS Generation ล่าสุด ผสานการทำงานร่วมกับกล้องหน้าคู่ พร้อมเรดาร์ 2 จุด และเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบคัน รวมถึงกล้องรอบคัน 360° พร้อมมุมมองใต้ท้องรถ Infotainment Display ขนาด 9 นิ้ว แบบสัมผัส รองรับ Wireless Android Auto & Wireless Apple CarPlay พร้อม Multitasking System เชื่อมต่อข้อมูลกับ Integrated MID แสดงผลได้หลากหลายฟังก์ชัน

ตอบสนองการใช้งานด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร VGS Turbo พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,600 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ แบบ Sequential Shift พร้อม Manual Mode มีให้เลือกใช้ทั้งระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ พร้อมระบบ DPF : Diesel Particulate Filter Regeneration ทำความสะอาดคราบเขม่า เคาะราคาจำหน่ายที่ 1,659,000 สำหรับ รุ่น3.0 RS AT 2WD และ 1,759,000 บาท สำหรับ รุ่น 3.0 RS AT 4WD

ในรุ่นรองอย่าง ULTIMATE โดดเด่นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ Dynamic Grille หรูหราด้วยวัสดุสีดำ Titanium Carbide รวมถึงล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ Dynamic Turbine ขนาด 20 นิ้ว สี Magnetite II พร้อมดีเทลก้านแม็กแบบ 3D ภายในห้องโดยสารใช้โทนสี Truffle Brown-Black ให้ความรู้สึกอบอุ่น High Class โดยรุ่น 1.9 ULTIMATE AT 2WD  มาภายใต้ราคา 1,544,000 บาท ส่วน 3.0 ULTIMATE AT 2WD มาพร้อมค่าตัว 1,589,000 บาท

ขณะที่รุ่น ELEGANT ยกระดับความหรูภายในห้องโดยสารด้วยคอนโซลดีไซน์ใหม่ สี Truffle Brown ตกแต่งด้วยวัสดุ Piano Black-Satin Silver รวมถึงเบาะ 7 ที่นั่ง ดีไซน์ใหม่ สี Truffle Brown ที่นั่งสบายเหนือกว่า โอบรับสรีระ ด้วยวัสดุ Cool Max ช่วยลดการสะสมความร้อน มาพร้อม 2 รุ่นทางเลือก ได้แก่ 1.9 ELEGANT AT 2WD ราคา 1,419,000 บาทและ 3.0 ELEGANT AT 2WD ราคา 1,464,000 บาท

ส่วนตัวเริ่มต้นอย่าง ACTIVE โดดเด่นด้วยกระจังหน้าดีไซน์ Dynamic Grill เติมความสปอร์ตด้วยวัสดุ Dark Gray เสริมความโฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าและไฟท้าย Dynamic Blade พร้อมผสานดีไซน์สปอร์ตของชุดไฟท้ายด้วยเส้น Embrace Line พร้อมด้วยล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว มาพร้อมราคาจำหน่าย 1,184,000 บาท